
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 เวลา 13.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวสารหอมมะลิในสต็อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 56/57 ที่โกดังกิตติชัย หลังที่ 2 และ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 ต.เฉลียง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ โดยเก็บตัวอย่างข้าวของทั้ง 2 โกดัง รวม 9 ตัวอย่างมาหุงและรับประทานร่วมกับสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นจะเปิดประมูลจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไปภายในเดือน พ.ค.นี้
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้มาตรวจสอบข้าวที่โกดังนี้ และได้ลองชิมข้าวมาแล้ว แต่มีเสียงทักว่าข้าวนี้เก็บมา 10 ปีแล้ว ไม่น่าจะกินได้เหมือนเล่นละคร แค่เก็บไว้ 1 ปี หรือ 5 ปี ก็กินไม่ได้แล้ว แต่ตนมองว่าข้าวจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเก็บรักษา ถ้าเก็บไม่ดีไม่ต้อง 5 ปี แค่ 1 ปีก็เน่าแล้ว ครั้งนี้อยากทำให้เกิดข้อสรุปที่ชัดเจน สิ้นข้อสงสัย จึงเชิญสื่อมวลชนทุกแขนง เจ้าของโรงสี ผู้ส่งออก ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้การจังหวัด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นสักขีพยาน จากการเปิดโกดังและฉางข้าวของทั้ง 2 โกดัง ออกมาตรวจสอบพบว่าลักษณะทางกายภาพยังดีอยู่ โดยยังมีจมูกข้าว เมล็ดไม่แตกหัก แต่มีสีเหลืองจากการเก่าเก็บ ไม่ขาวเหมือนข้าวใหม่ เมื่อนำมาหุงพบว่ามีกลิ่นหอมเล็กน้อย ข้าวขึ้นหม้อ และเต็มเมล็ด เรียงกันสวยงาม ไม่หัก จากนั้นได้รับประทานข้าวสวย พร้อมกับสักขีพยาน โดยมีกับข้าวคือ ผัดกะเพรา และไข่เจียว ซึ่งรสชาติข้าว เหมือนข้าวหอมมะลิเก่า ที่ยังมีความนุ่ม
“มาครั้งนี้ เป็นการสำรวจโกดังข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล 2 หลังสุดท้ายของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นข้าวเก็บมาแล้ว 10 ปีตั้งแต่ปี 56/57 ถ้าดูศักยภาพแล้ว ยังมีจมูกข้าว ไม่หัก เมล็ดยังสวยงาม สีสันอาจจะเหลืองมากขึ้นเป็นธรรมชาติของข้าว 10 ปี หลังจากนี้จะนำข้าวของทั้ง 2 โกดัง มาเปิดประมูลเป็นการทั่วไป คาดว่า ราคากลางน่าจะได้กิโลกรัม (กก.) ละ 18-19 บาท หรือ กก.ละ 18 บวกลบ แต่อาจจะได้มากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับการต่อรอง และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชนะประมูลทิ้งสัญญาเหมือนที่ผ่านมา ก็จะกำหนดเงื่อนไข เช่น มีค่าปรับสูงๆ”
โดยโกดังข้าวที่มาสำรวจครั้งนี้ ที่แรกคือ กิตติชัย หลังที่ 2 มีข้าวเก็บไว้ 112,711 กระสอบ และที่พูนผลเทรดดิ้ง 32,879 กระสอบ รวมประมาณ 150,000 กระสอบ ส่วนแห่งที่ 2.คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 เก็บข้าวหอมมะลิ 100% มีการระบาย ข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ
ด้าน น.ส.ทิชาภา อ่าวพัฒนา เจ้าของโกดังกิตติชัย กล่าวว่า ในการเก็บข้าวสารสต๊อกรัฐ โกดังได้ปฏิบัติตามที่ อคส.กำหนด โดยเก็บข้าวทั้งหมด 400,000 กระสอบ ประมูลไปแล้วจนเหลือตอนนี้ 110,000 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดี แต่รัฐบาล คสช.มาจัดเกรดข้าวในโกดังเป็นเกรด A (ข้าวดี) และ C (ข้าวเสื่อม) ขายเป็นอาหารสัตว์ ได้ราคาต่ำ ทำให้รัฐขาดทุนมาก อีกทั้งเรายังถูก อคส.ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายว่าทำให้ข้าวเสื่อมสภาพ นอกจากนี้โกดังยังไม่ได้รับเงินค่าเช่าโกดังและค่ารมยาตลอด 10 ปีจาก อคส.เลย รวม 60 ล้านบาท และยังมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกประมาณ 40 ล้านบาท รวมแล้ว 100 ล้านบาท ที่อยากให้ อคส.เร่งจ่ายให้โดยเร็ว
ส่วนนายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ผู้แทนจากบริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ กล่าวว่า ที่ตนมาร่วม พิสูจน์ข้าวในวันนี้เพราะลูกค้าในแอฟริกาสนใจซื้อข้าวเก่า เพราะหุงขึ้นหม้อ และกินอิ่มกว่าข่าวใหม่ บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลซื้อทั้ง 2 โกดัง “เท่าที่ดูด้วยตา คุณภาพข้าวยังดีมาก มีเพียงสีเหลืองไปบ้าง แบบนี้น่าจะประมูลไม่ต่ำกว่า กก.ละ 15-16 บาท ไม่ต้องปรับปรุงคุณภาพมาก น่าจะเสียค่าปรับปรุงตันละ 300-400 บาทเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ยังไม่จ่ายค่าเช่าและค่ารมยา เพราะโกดังมีคดีฟ้องร้องกับ อคส. และคดียังไม่ถึงที่สุด.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่