ต่ำคาด GDP ปี 66 โตแค่ 1.9% สภาพัฒน์ คาดปีนี้โตแค่ 2.2-3.2% วอนแบงก์ชาติออกมาตรการ “ลดภาระหนี้”

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ต่ำคาด GDP ปี 66 โตแค่ 1.9% สภาพัฒน์ คาดปีนี้โตแค่ 2.2-3.2% วอนแบงก์ชาติออกมาตรการ “ลดภาระหนี้”

Date Time: 19 ก.พ. 2567 15:48 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

สภาพัฒน์ เผย GDP ปี 66 โตต่ำคาดที่ 1.9% พร้อมหั่น GDP ปี 67 เหลือ 2.2-3.2% ชี้การเติบโตเศรษฐกิจไทยระยะหน้า ต้องพึ่งการฟื้นตัวภาคอุตสาหกรรมการผลิต วอนแบงก์ชาติใช้มาตรการดอกเบี้ย ลดภาระหนี้ครัวเรือน SME ดันเศรษฐกิจไปต่อ

Latest


สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เผย ภาพรวม และแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจปี 2566-2567 พบ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2566 ขยายตัวเพียง 1.7% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 3/2566 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ 0.6% 

ส่งผลให้ในปี 2566 เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 1.9% ชะลอตัวลงจากการขยายตัว 2.5% ในปี 2565 และต่ำกว่าที่ สศช.ประเมินไว้ว่าตลอดทั้งปีนี้จะขยายตัว 2.5% โดยเป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการลดลงของการใช้จ่ายรัฐบาล และการลงทุนภาครัฐ พร้อมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ ปี 2567 เหลือ 2.2-3.2% (ไม่รวมผลดิจิทัลวอลเล็ต) จากเดิมที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 2.7-3.7%

ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 4/2566 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดเป็นผลมาจาก การลงทุนรวมติดลบ 0.4% จากการลงทุนภาครัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ที่ 20.1% ต่อเนื่องจากการลดลง 3.4% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการลดลงของการลงทุนรัฐบาล 33.5% เนื่องจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 และการลดลงของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ 5.1%

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป จะต้องเร่งให้อุตสาหกรรมการผลิตฟื้นตัวมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวสรุปเพิ่มเติมว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่ 1.9% มีปัจจัยสนับหนุนจากการขยายตัวของภาคการส่ง การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งหนี้ของธุรกิจ SME กำลังจะกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว การชักชวนการลงทุนจากต่างประเทศ การเร่งส่วนราชการใช้งบประมาณ และเร่งรัฐวิสาหกิจใช้งบลงทุน ดังนั้นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังหลังจากนี้ หวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะใช้มาตรการทางการเงินเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการดอกเบี้ย เพื่อลดภาระหนี้ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ ไม่ให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากห่างกันมากเช่นปัจจุบัน

รวมถึงการพิจารณาต่ออายุมาตรการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ระดับ 5% ตามที่หมดกำหนดไปตั้งแต่เดือน ธ.ค.2566 ทำให้ในเดือนม.ค.นี้จะขยับกลับมาที่ 8% โดยอาจพิจารณากลับไปใช้ที่ขั้นต่ำ 5% อีกสักระยะ เพื่อช่วยให้ภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยมีกำลังในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ