
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้พิจารณาการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการตรวจลงตราหรือการยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นการยกเว้นวีซ่าของประชาชนสองประเทศอย่างถาวร ที่ท่านนายกฯประกาศว่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 นโยบายดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวระหว่างชาวไทยและชาวจีนอย่างมาก จะนำไปสู่การเพิ่มเที่ยวบินระหว่างสองประเทศมากขึ้น ทำให้ค่าโดยสารเที่ยวบินที่ปัจจุบันราคาสูงขึ้นมีราคาลดลง และจะเกิดการกระจายตัวการเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มใหม่และพื้นที่ใหม่ๆ
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนที่ ททท.วางไว้ในปี 2567 อยู่ที่ 8 ล้านคน หลังจากปี 2566 มีจำนวน 3.51 ล้านคน ส่วนเมื่อมีนโยบายยกเว้นวีซ่าแบบถาวรแล้วจะเพิ่มเป้าได้อีกหรือไม่ คงต้องขอหารือกับนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาก่อน และ ททท.ต้องประชุมผู้บริหาร และผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ในจีนทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตูและกว่างโจว เพื่อทบทวนการจัดทำแผนการตลาดกันอีกครั้ง
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลได้หารือกันว่าอยากจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2567 ให้ได้ 40 ล้านคนเท่ากับปี 2562 นั้น ในปี 2562 ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ 6,613 ล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาได้ 39.91 ล้านคน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 ได้รับงบประมาณ 3,258 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท เมื่อรวมคนไทยเที่ยวในประเทศอีก 188 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 800,000 ล้านบาท ทำให้มีรายได้รวม 1.91 ล้านล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2567 ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ 5,200 ล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าจะถูกตัดลงอีกเท่าใด ก็ต้องขอความกรุณาสมาชิกรัฐสภาด้วย เพราะภายใต้งบประมาณดังกล่าวมีเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.5 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน สร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทยอีก 1 ล้านล้านบาท.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่