
150 คน คือ ตัวเลข “แรงงานไทย” ในอิสราเอลลอตแรก ที่ทางการไทยกำลังช่วยเหลือ และเตรียมนำตัวเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย 15 ต.ค.นี้ หลังเกิดสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์รุนแรง จนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นแรงงานไทย ที่ไปทำงานในอิสราเอล ท่ามกลางความเป็นห่วงของญาติพี่น้องอีกนับหลายร้อยนับพันครอบครัวในไทย ที่เฝ้าติดตามข่าวสาร จากผู้ลงทะเบียนขอกลับประเทศไทยทั้งหมด 3,862 คน
จากหนังสือ “สมรภูมิพลิกอำนาจโลก” ซึ่งเขียนโดย ปิติ ศรีแสงนาม และ จักรี ไชยพินิจ ระบุประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ เป็นปัญหาที่มีรากฐานมาอย่างยาวนานหลายช่วงอายุคน เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านศาสนา และเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงความวุ่นวาย จากการที่ชาติมหาอำนาจเข้ามามีบทบาทในเรื่องราว บ่อเกิดวิกฤติการเมืองในตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้นมาเป็นระลอกๆ และทำให้คนในพื้นที่อยู่กันอย่างหวาดระแวง
แต่สำหรับในสายตา “แรงงานไทย” นั้น ดูเหมือนจะต่างออกไป เพราะถ้าพูดถึง “อิสราเอล” จะพบว่าที่นี่กลับเป็นเมืองเป้าหมายที่คนไทยในกลุ่มอยากไปทำงานต่างประเทศ นิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากไต้หวันเท่านั้น โดยข้อมูลจากกรมแรงงานเผย ปัจจุบันมีคนไทยทำงานในอิสราเอลมากกว่า 25,000 คน ส่วนไต้หวันเกือบ 50,000 คน
กลายเป็นคำถาม พื้นที่สงครามที่น่ากลัวที่สุด และสภาพชีวิตการทำงานที่มักถูกถ่ายทอดออกมาบ่อยๆ ว่าไม่ค่อยสะดวกสบายนักและงานหนัก ทำไมคนไทยกลุ่มหนึ่งจึงอยากเข้าไปทำงานในอิสราเอล หรือตัวเลขรายได้ต่อเดือนที่สูง อาจเป็นคำตอบ! ของข้อคำถามนี้
Thairath Money หาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าความต้องการแรงงานต่างชาติในอิสราเอลมีจำนวนมาก โดยเฉพาะงานหนักที่ชาวอิสราเอลมักปฏิเสธ ทำให้อิสราเอลต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติ เพื่อมาทำงานดังกล่าวแทน
กระทรวงแรงงาน เผย งานที่คนไทยนิยมมากสุดในอิสราเอล คือ งานในภาคการเกษตร ในทุกๆ ปี เดือนมกราคม กระทรวงมหาดไทยอิสราเอล กระทรวงเกษตร และกระทรวงอุตสาหกรรม การค้าและแรงงานของอิสราเอล จะทบทวนจำนวนโควตางานเกษตร จัดการแรงงานผิดกฎหมาย อยู่เกินเวลาวีซ่า และอนุญาตให้นายจ้างนำเข้าแรงงานใหม่ๆ เข้าไป โดยมีโควตาต่างชาติต่อปีไม่ต่ำกว่า 26,000 คน
ขณะภาคบริการและร้านอาหารในอิสราเอล คนไทยครองตำแหน่งเป็น Chef และ Cook มากที่สุดถึง 95% ในร้านอาหารไทย จีน และญี่ปุ่น
ส่วนระยะเวลาที่รัฐบาลอิสราเอลอนุญาตให้แรงงานต่างชาติทำงานในประเทศได้ 5 ปี (นอกจากงานดูแลคนชราและผู้พิการ ซึ่งสามารถทำงานเกิน 5 ปีได้ คือจนกว่านายจ้างเสียชีวิต) โดยให้วีซ่าปีต่อปี และนับติดต่อกัน ตั้งแต่เดินทางไปทำงานครั้งแรกในประเทศอิสราเอล ไม่ว่าทำงานกับนายจ้างใด
เปิดความน่าสนใจของรายได้ หรือค่าตอบแทนที่แรงงานจะได้รับ จากการทำงานในอิสราเอลในหมู่คนต่างชาติ ซึ่งรวมถึงคนไทยด้วยนั้น รายละเอียดหน้าเว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ระบุ ...
ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของอิสราเอลสำหรับแรงงาน คือ 5,300 เชเกลต่อเดือน (ต่อการทำงานปกติ 186 ชั่วโมงต่อเดือน) หรือตีเป็นเงินบาทไทย ก็จะอยู่ที่ 53,000 บาทต่อเดือน เพราะ 1 เชเกลอิสราเอล จะเท่ากับราวๆ 10 บาทไทย
แต่เงื่อนไขการทำงานอิสราเอลนั้น พบนายจ้างมีสิทธิหักเงินค่าจ้างได้ตามกฎหมาย เช่น ภาษีรายได้ การประกันสังคมแห่งชาติ ค่าที่พักอาศัย ค่าประกันสุขภาพ และเงินที่นายจ้างจ่ายล่วงหน้าให้ลูกจ้างไปก่อน ทั้งนี้ เงินที่หักในแต่ละเดือนรวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 25% ของค่าจ้าง
ส่วนค่าจ้างล่วงเวลา แรงงานที่ทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมง มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตั้งแต่ชั่วโมงที่ 9 เป็นต้นไป โดย 2 ชั่วโมงแรกที่เกินชั่วโมงทำงานปกติ จะได้รับค่าล่วงเวลาชั่วโมงละ 125% ของค่าจ้างปกติ ส่วนชั่วโมงที่ 3 เป็นต้นไป จะได้รับค่าล่วงเวลาชั่วโมงละ 150% ของค่าจ้างปกติ
แต่เนื่องจากกฎหมายอิสราเอล อนุญาตให้แรงงานต่างชาติทำงานในประเทศอิสราเอลได้ไม่เกิน 5 ปี ฉะนั้นแรงงานต่างชาติที่ทำงานครบ 5 ปีแล้ว มักต้องการกลับไปทำงานอีก จึงเดินทางกลับประเทศต้นทาง เพื่อเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และเอกสารการเดินทางใหม่ แล้วกลับไปทำงานในประเทศอิสราเอลอีกครั้ง
ก่อนที่ทางการอิสราเอลออกระเบียบเพิ่มเติมในการอนุญาตวีซ่าแก่แรงงานต่างชาติ เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอล โดยต้องแสดงหลักฐานใบสูติบัตรด้วย รวมทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือ หากตรวจพบว่าผู้ใดเคยอยู่ในประเทศอิสราเอลมา 5 ปีแล้ว จะปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศอิสราเอล หรือส่งกลับประเทศภูมิลำเนาเดิม
จากข้อมูลยังพบว่า แรงงานไทยได้เริ่มเข้าไปทำงานในอิสราเอลตั้งแต่ปี 2523 งานที่ทำในระยะแรกได้แก่ พ่อครัว แม่ครัว และช่างฝีมือต่างๆ เช่น ช่างเชื่อม ช่างแอร์ ช่างซ่อมรถยนต์ ก่อนที่ในปี 2527 จำนวนแรงงานไทยได้เพิ่มขึ้นเป็นพันคน โดยเข้าไปทำงานในรูปอาสาสมัครตามคิบบุตซ์และโมชาฟ
ขณะที่ในปี 2537 หลังจากปิดพรมแดนอิสราเอลกับเขตยึดครองเพื่อป้องกันปัญหาการก่อการร้ายจากกลุ่มปาเลสไตน์หัวรุนแรง ทางการอิสราเอลได้อนุญาตให้มีการนำเข้าแรงงานต่างชาติแทนคนงานปาเลสไตน์ในภาคก่อสร้างและภาคเกษตร
คนไทยจึงเริ่มเข้าไปทำงานในอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจำนวนเกือบ 26,000 คนในปัจจุบัน โดยทำงานในชุมชนอิสราเอลที่เรียกว่า Kibbutz จำนวน 267 แห่ง และในชุมชนอิสราเอลที่เรียกว่า Moshav จำนวน 448 แห่งทั่วประเทศ
“แรงงานไทยในอิสราเอลส่วนใหญ่ทำงานในฐานะคนงานภาคเกษตร โดยสามารถยึดตลาดแรงงานภาคเกษตรได้เกือบทั้งหมด อัตราการเรียกรับค่าบริการสำหรับแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรในประเทศอิสราเอล อยู่ระหว่าง 60,350-350,000 บาท (ประมาณ 1,700-10,000 เหรียญสหรัฐ)”
ซึ่งค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่เก็บจากคนหางานนี้ บริษัทจัดหางานในประเทศไทยต้องจ่ายให้บริษัทจัดหางานอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางตัวเลขรายได้ที่หวือหวา และคงหาได้ยากในตลาดแรงงาน ของประเทศไทยในประเภทกลุ่มงานหนัก มีข่าวแรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล ปรากฏรายเดือนให้เห็นตามหน้าสื่อ โดยส่วนใหญ่เป็นคนภาคเหนือและอีสานของไทย เพราะเป็นกลุ่มคนที่เข้าไปทำงานในอิสราเอลมากสุด เสียชีวิตด้วยเหตุเจ็บป่วย ปัญหาสุขภาพ เรื่อยไปจนถึงไหลตาย เพราะทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน ในอดีตยังเคยเกิดเหตุการณ์คนไทยเสียชีวิตจากการปะทะด้วยเหตุความไม่สงบในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ส่วนครั้งนี้ ก็คงต้องเอาใจช่วย คนไทยที่สูญหายในอิสราเอล ให้ออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้ ...
ที่มาข้อมูล : เว็บไซต์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ