
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ปรับแผนการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนภูเก็ต เฟสที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง เพื่อให้เริ่มดำเนินการในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากช่วงแรกนี้ต้องเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง (ทล.) ให้แล้วเสร็จก่อนเพื่อใช้เป็นทางเลี่ยงในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ภูเก็ต เพราะหากสร้างพร้อมกันทั้งถนน และรถไฟฟ้า จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาการจราจรใน จ.ภูเก็ต
ในเบื้องต้น รฟม.เสนอใช้ระบบรถไฟฟ้า เป็นรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ล้อเหล็ก มีระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะ ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีการใช้งาน แพร่หลาย แต่เนื่องจากปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับภาคเอกชน ในการพัฒนารถไฟระบบ EV on Train อยู่ จึงมอบโจทย์นี้ให้ รฟม. ไปพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ให้พิจารณาเรื่องปริมาณผู้โดยสาร รวมถึงเรื่องค่าโดยสาร ซึ่งมีความกังวลไม่อยากให้มีราคาแพงเกินไป เพราะแทรมสายนี้จะเกิดประโยชน์มากกับทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างสนามบินภูเก็ต กับแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเดินทางไปมาทุกวัน
นายสุริยะกล่าวต่ออีกว่า ได้ย้ำกับ รฟม. ว่าค่าโดยสารแทรมภูเก็ตสามารถเน้นราคาที่สมเหตุสมผลกับกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ และหากคำนวณแล้วค่าใช้จ่ายเพียงพอกับต้นทุนก็สามารถจัดเก็บค่าโดยสารราคาถูกสำหรับประชาชนในพื้นที่ได้ ส่วนแนวเส้นทางนั้นยังคงเป็นเส้นทางเดิมทั้งหมด แต่ต้องมีการปรับจราจรใน จ.ภูเก็ตควบคู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาที่จะทำให้โครงการนี้เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยในช่วง 2 ปีหลังจากนี้ รฟม.จะต้องศึกษาพิจารณาในทุกเรื่องให้รอบคอบและดีที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับทุกฝ่าย
ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า การปรับแผนการดำเนินงานแทรมภูเก็ตออกไปอีก 2 ปี คาดว่าวงเงินที่ใช้ในการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้ออีกประมาณ 10% จากวงเงินเดิมประมาณ 33,000 ล้านบาท.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่