
โครงการคอนโดมิเนียม “สโคป หลังสวน” ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์ ผืนที่แพงที่สุด ที่มีการซื้อขายกันในประเทศไทย เมื่อปี 2561 ด้วยราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา โดยบริษัท สโคป จำกัด ซึ่งบริหารโดย “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ผู้คว่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมาอย่างยาวนาน
ล่าสุด กำลังจะเผยโฉมผลงานระดับมาสเตอร์พีซครั้งใหม่ ห้องเพนต์เฮาส์ (PENTHOUSE) ที่เรียกได้ว่า เป็น ระดับ ULTIMATE CLASS ที่แพงที่สุด ของโครงการเร็วๆ นี้ หลังทุ่มเงินการลงทุนกว่า 7,000-8,000 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงปี 2562 และขึ้นแท่นว่าเป็นโครงการที่จ่ายหนักให้เรื่องดีไซน์มากที่สุดโครงการหนึ่งของไทย ผ่านการดึง “โทมัส ยูล-ฮันเซน” ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก ผู้ออกแบบคอนโดที่แพงที่สุดของเมืองนิวยอร์ก มาเป็นผู้ออกแบบโครงการการสโคปหลังสวน โดยเป้าหมายเพื่อปั้นให้เป็นโครงการระดับไฮเอนด์ จับกลุ่มลูกค้า “อินเตอร์เนชันแนลพรีเมียม” (International Premium) ในอสังหาฯ ไทย
โดยรายละเอียดโครงการสโคป หลังสวนนั้นเป็นอาคารสูง 34 ชั้น ตั้งอยู่พื้นที่หลังสวน (ใกล้ BTS ชิดลม) ห้องพัก จำนวน 158 ยูนิต ประกอบไปด้วยห้องชุดพักอาศัยแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 83 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 153 ตารางเมตร ไปจนถึง 162 ตารางเมตร และแบบเพนต์เฮาส์ ขนาด 419 ตารางเมตร ไปจนถึง 443 ตารางเมตร มาพร้อมกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานทุกห้อง และลิฟต์ล็อบบี้ส่วนตัว
ทั้งนี้ บอสใหญ่แห่ง SCOPE COLLECTION เผยว่า เร็วๆ นี้จะเปิดห้องเพนต์เฮาส์ให้ผู้ที่สนใจครอบครองได้เข้าชม โดยยกให้เป็นห้องเพนต์เฮาส์ ระดับ ULTIMATE CLASS ที่แพงที่สุด แห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยราคาทะลุ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร เคาะราคาขายกว่า 436 ล้านบาท
โดยผู้บริหารโครงการระบุ ราคานี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกิดกระแสการพูดถึงในสังคม แต่เป็นราคาที่สะท้อนคุณภาพในการสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจให้เป็น ‘ที่สุดของที่สุดของเพนต์เฮาส์’ ที่ไม่สามารถแสวงหา หรือทำซ้ำขึ้นใหม่ให้ทรงคุณค่าในระดับเดียวกันนี้ได้อีกแล้ว ผนวกกับฝีไม้ลายมือของสถาปนิกระดับโลกอย่าง โทมัส ยูล-ฮานเซน (Thomas Juul-Hansen) มาร่วมเป็นที่ปรึกษาการออกแบบทำให้ห้องชุดในโครงการนี้เปรียบเหมือนงานศิลปะที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา
สโคปหลังสวน (SCOPE LANGSUAN) ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งของ โทมัส ยูล-ฮานเซน โดดเด่นด้วยความประณีตขั้นสุดทั้งในด้านดีไซน์ฟังก์ชั่น และการคัดสรรองค์ประกอบที่เป็นที่สุดในทุกด้านอย่างไม่ประนีประนอมจากพันธมิตรกว่า 20 รายใน 5 ประเทศ ด้วยความพิถีพิถันอย่างสูงสุด โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดใดๆ เพื่อให้สมกับฐานะความเป็นโครงการระดับ Crown Jewel ที่มีศักดิ์ศรีสูงที่สุดในย่านนี้ อาทิ ความสูงจากพื้นจรดเพดานกว่า 4 เมตร ให้ความโอ่อ่าในแง่ของสเปซสามารถเทควิวพาโนรามาของกรุงเทพมหานครได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของตัวโครงการพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด THE SENSORY OF FINEST LIFE เป็นขั้นกว่าของความลักซ์ชัวรี งดงามลงตัว ไร้กาลเวลาในแบบที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม ทุกองค์ประกอบถูกนำมาร้อยเรียงกันให้ออกมาละมุนละไมที่สุด ราวได้ฟังดนตรี Symphony Orchestra ขณะใช้เวลาส่วนตัวอยู่ภายในเพนต์เฮาส์ ซึ่งจะไม่มีทางได้สัมผัสความรู้สึกนี้ได้จากรูปภาพ หรือคำบอกเล่าใดๆ เป็นความงดงามที่ต้องมาเห็นด้วยตนเองเท่านั้น
โครงการตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์ที่เหลือน้อยมากๆ ของ ’ย่านหลังสวน’ และเป็นหนึ่งในถนนที่ราคาที่ดินแพงที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน และครบครันทุกไลฟ์สไตล์ มอบ ‘คลาส’ ที่ไม่ใช่ใครจะมีก็ได้ให้กับผู้ครอบครอง ซึ่งใครคนนั้นจะกลายเป็นเจ้าของบ้านที่มีมูลค่าสูงที่สุดไม่ใช่เพียงบนถนนหลังสวน แต่รวมไปถึงถนนเพลินจิต วิทยุและถนนราชดำริด้วย
พร้อมสัมผัสความเป็นส่วนตัวขั้นสุด ท่ามกลางสังคมคุณภาพ ทั้งยังเข้าถึงได้ด้วยลิฟต์ส่วนตัว และบริการ Concierge Service ที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางและที่ดีและครบครันที่สุดของไทยในปัจจุบัน ทั้งโรงภาพยนตร์ส่วนตัว ออนเซนส่วนตัว ไวน์เซลลาร์ ห้องซ้อมดนตรี และอีกหลายหลากฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับลักซ์ชัวรีได้อย่างครบครัน