
กลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคม จนทวิตเตอร์ (X) ติดแฮชแท็ก #เงินเดือนข้าราชการ พุ่งเป็นเทรนด์สำคัญ พร้อมๆ กับ การตั้งคำถามใหญ่ ต่อข่าว “แบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ” ไอเดียสุดบรรเจิดชวนเซอร์ไพรส์ มากกว่าการประกาศลดราคาน้ำมัน และค่าไฟของรัฐบาล ที่ออกมา เป็น มติครม.นัดแรกวานนี้ (13 ก.ย. 2566)
โดยการปรับแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบต่อเดือน ที่ถูกวางไว้ให้เริ่ม 1 มกราคม ปี 2567 นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน”ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการช่วยเหลือ เพิ่มเงินสดให้ข้าราชการระหว่างเดือน ให้นำไปจ่ายหนี้ได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อไม่มีหนี้ ก็จะสามารถเก็บเป็นเงินออมได้มากขึ้น จากปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่พุ่งสูงในกลุ่มคนทำงานข้าราชการ อีกนัยหวังจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย ให้เม็ดเงินไหลเข้าระบบเศรษฐกิจในช่วงกลางเดือนมากขึ้น จากภาวะปกติ ที่การจับจ่ายมักจะเงียบเหงากว่าช่วงสิ้นเดือน พ่อค้า-แม่ค้า ค้าขายดีขึ้น การบริโภคขยับ
ทั้งนี้ ดูเหมือน การเปิดฉาก บริหารประเทศด้วยนโยบายนี้ จะไม่ค่อยสวยมากนัก เพราะประเด็นการเตรียมแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ กลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่ ถึงเหตุผล และความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเร่งต้องดำเนินการหรือไม่?
รวมไปถึง ข้อดี-ข้อเสีย การปรับจ่ายเงินเดือน ซึ่งจะมีผลต่อข้าราชการในประเทศราวๆ 2 ล้านคน #ThairathMoney สำรวจความเห็นของสังคมต่อประเด็นดังกล่าว พบว่า ขณะนี้ มีมุมมองแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า การหั่นเงินเดือนแบ่งจ่าย 2 ครั้ง อาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมา แม้แต่กรมบัญชีกลาง ก็ออกมาบอกว่า อาจต้องปรับระบบรองรับ และหารือสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ของข้าราชการ สะท้อนผลกระทบต่อไทม์ไลน์ การจ่ายหนี้สินประจำเดือน ไม่ว่าจะเป็น หนี้บ้าน หนี้สหกรณ์
ขณะชาวเน็ตอีกกลุ่ม ซึ่งบางส่วนเป็นคนที่ได้รับเงินเดือน 2 งวดต่อเดือน ก็ให้ความเห็นว่า การรับเงินเดือนแบบนี้ ช่วยให้การบริหารจัดการได้ง่ายกว่างวดเดียวเมื่อตอนสิ้นเดือน เมื่อได้รับเงินไวขึ้น ก็จะสามารถมีกระแสเงินสดมาบริหารใช้จ่ายก่อนได้
อย่างไรก็ตาม จากแรงต้านที่มีมากกว่าแรงสนับสนุน โดยเฉพาะเหล่าข้าราชการ ที่ส่วนใหญ่ออกมาตอบคำถามสื่อว่า ไม่เห็นด้วยต่อการปรับจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง ทำให้ วันนี้ นายกฯ ต้องออกมาประกาศ ยอมถอยครึ่งทาง ต่อนโยบายเงินเดือนข้าราชการ
โดย “เศรษฐา ทวีสิน” ระบุเรื่องนี้ จะเปิดให้เป็นทางเลือก ข้าราชการไทย เลือกได้ จะจ่ายแบบเดิม หรือ 2 รอบต่อเดือนก็ได้ ไม่เป็นการบังคับ ส่วนภาระหนี้สิน ก็จะมีการหารือ เปิดช่องให้แบ่งจ่ายเป็น 2 รอบต่อเดือนได้เช่นกัน ท้ายที่สุด เชื่อว่า มาตรการนี้สร้างผลบวกมากกว่าผลลบ หรือเสมอตัว
พร้อมโปรยยาหอม ถึงทิศทางเงินเดือนข้าราชการในอนาคต ว่าเบื้องต้น รัฐบาลมีแผนการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ แต่มีส่วนที่ต้องศึกษา พิจารณา และคำนึงถึงช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย ชัดเจนเมื่อไหร่ จะแถลงให้สาธารณชนทราบอีกครั้ง อีกทั้งยังปฏิเสธว่า ที่มาของนโยบายเปลี่ยนจ่ายเงินเดือน ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลมีปัญหาสภาพคล่อง อย่างที่ถูกบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด
ในเวลานี้ ก็คงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ต่อให้นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ปีหน้า ข้าราชการก็สามารถที่จะเลือกรับเงินเดือนได้ จะรับเพียงครั้งเดียว หรือ 2 ครั้งก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
เจาะความเห็นที่น่าสนใจในมุมเศรษฐศาสตร์ต่อประเด็นนี้ โดย ศ.ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี นักเศรษฐศาสตร์ความสุขและศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Nattavudh Powdthavee - ณัฐวุฒิ เผ่าทวี จั่วหัวตั้งคำถามต่อเนื่องว่า :
การจ่ายเงินเดือนแบบเดือนละ 2 ครั้งจะมีผลอะไรกับพฤติกรรมการใช้เงินของคนเราไหม? ซึ่งในรายละเอียดนั้น มีการหยิบยก ทฤษฎี Permanent Income Hypothesis (PIH) ของ Milton Friedman มาเชื่อมโยง
กล่าวคือ ทฤษฎี PIH บอกกับเราว่า พฤติกรรมการใช้เงินของคนเรานั้น จะอยู่ในระดับที่คงเส้นคงวากับความคาดหวังหรือค่าเฉลี่ยของรายได้ระยะยาวของคนเรา ยกตัวอย่างเช่น คนที่กำลังจะเรียนจบ MBA อาจจะยังไม่มีรายได้เยอะในขณะนั้น แต่เขาอาจจะมีพฤติกรรมการใช้เงินเยอะมากกว่ารายได้ที่เขามี เพราะว่าเขาทราบดีว่าเดี๋ยวพอเขาเรียนจบ MBA แล้ว รายได้ของเขาก็จะดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่นี้เยอะ
พูดอีกอย่างก็คือพฤติกรรมการใช้เงิน (หรือออมเงิน) ของเราจะขึ้นอยู่กับความคาดหวังในเรื่องของรายได้ระยะยาว หรือ permanent income ของเรา ถ้าเราคิดว่า permanent income ของเราจะเยอะ เราก็จะอาจจะใช้เยอะกว่า ถ้าเราคิดว่า permanent income ของเราจะน้อย และถ้าเงินเดือนของเราในวันนี้มันมากกว่าความคาดหวังของ permanent income ของเรา PIH บอกกับเราว่า เราจะออมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพื่อที่จะป้องกันโอกาสที่ permanent income ของเราจะตกได้ในอนาคต
ใจความสำคัญ สรุปได้ว่า “ถึงแม้ว่าวันนี้รายได้ของเราจะขึ้น แต่พฤติกรรมการใช้เงินของเราก็อาจจะไม่ขึ้นตามก็ได้”
แล้ว PIH มันเกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนไปจ่ายเงินเดือนแบบเดือนละ 2 ครั้งแทนเดือนละครั้งเดียว อย่างแรกเลย ถ้า PIH ของ Friedman นั้นเป็นข้อสันนิษฐานที่ถูกต้อง การเปลี่ยนไปจ่ายเงินเดือนแบบเดือนละ 2 ครั้งแทนเดือนละครั้งเดียวจะไม่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้เงินของคนเลย เพราะ
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คนเราไม่ได้มีเหตุมีผลเหมือนในโมเดลของเศรษฐศาสตร์เสมอไป การเปลี่ยนไปจ่ายเงินเดือนแบบเดือนละ 2 ครั้งแทนเดือนละครั้งเดียวก็อาจจะสร้างปรากฏการณ์ที่คล้ายๆ กันกับ Money illusion
ซึ่งก็คือคนเราอาจจะเข้าใจผิดถึงค่าของรายได้จริงๆ หรือ real income ที่ตัวเองมี เพราะการเพิ่มความถี่ของการรับอาจจะทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองมีเงินมากกว่าตอนที่รับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละครั้ง
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็อาจจะเห็นการขยับเพิ่มขึ้นของอัตราการบริโภคของคนในช่วงแรกๆ แต่ผมเชื่อว่า ไม่นานนัก ทุกๆ คนก็จะเริ่ม factor in และปรับความคาดหวังของตัวเองในเรื่องของ permanent income และสรุปว่ามันไม่ได้แตกต่างจากแต่ก่อนเลย ซึ่งก็จะทำให้พฤติกรรมการใช้เงินของเขา converge กลับมาเป็นเหมือนกับตอนที่ได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละครั้ง
ขณะข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตของไทย เคยอธิบายในภาวะคล้ายคลึงเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์กับการเงิน ว่า ระบบความคิดอัตโนมัติ สามารถสร้างความโน้มเอียง (bias) ทางด้านการตัดสินใจทางการเงินของมนุษย์มากมาย
เช่น กรณีที่คนที่ตัดสินใจซื้อลอตเตอรี่โดยคิดว่าพวกเขามีโอกาสถูกรางวัลค่อนข้างสูงกว่าความเป็นจริง เนื่องจากพวกเขาได้รับรู้ข่าวสารของคนที่ถูกรางวัลอยู่เป็นประจำ หรือในภาวการณ์คาดการณ์แบบหลงผิดที่เรียกว่า the money illusion ที่ส่งผลให้มนุษย์มองมูลค่าของเงินเป็นจำนวนตัวเลข โดยไม่คิดถึงผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ คนที่ได้รับเงินเดือนขึ้นต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ มักจะยินดีมากกว่าคนที่ไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือนในภาวะเงินฝืด เป็นต้น