
“การบินไทย” ยกทัพตั้ง 4 บริษัทลูก “ครัวการบิน-ฝ่ายช่าง-คาร์โก้-ภาคพื้น” ลั่น! เปิดกว้างพันธมิตรทั่วโลกเข้ามาร่วมทุน มั่นใจนำร่องได้ก่อน 2 บริษัทในปีหน้า “คาร์โก้-ครัวการบิน” เชื่อมั่นปรับโครงสร้างทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ลดความซ้ำซ้อน
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระหว่างที่การบินไทย กำลังดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการฯก็ยังคงเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรด้วยการจัดตั้งบริษัทลูก (Business Unit) ออกเป็น 4 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท ครัวการบิน 2.บริษัท ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (ฝ่ายช่าง) 3.บริษัท บริการภาคพื้น 4.บริษัท ขนส่งสินค้า (คาร์โก้) บริษัทลูกทั้ง 4 แห่ง จะเปิดกว้างให้เอกชนจากทั่วโลกเข้ามาร่วมลงทุน เบื้องต้นบริษัทจัดตั้งและดำเนินการได้ก่อนคือ บริษัท ขนส่งสินค้า (คาร์โก้) และบริษัท ครัวการบิน คาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า
“บริษัทลูกที่ดำเนินการได้ก่อนมี 2 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ขนส่งสินค้า (คาร์โก้) และบริษัท ครัวการบิน จากที่ผ่านสถานการณ์โควิด-19 มา ในช่วงนั้น ไม่สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ ทำให้การบินไทยเห็นว่าการขนส่งสินค้าทางอากาศสามารถสร้างรายได้ได้ดี แต่ขณะนั้นการบินไทยไม่มีเครื่องบินที่จะขนส่งสินค้าทั้งลำ โดยเฉพาะการขนส่งจะอาศัยขนจากท้องเครื่องเป็นหลัก แต่หากมีการแยกบริหารการจัดการที่ชัดเจนก็ต้องมีการจัดหาเครื่องบินที่จะต้องขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ และปรับตามเส้นทางบินที่ลูกค้ามีความต้องการขนส่งสินค้า”
ในส่วนของการจัดตั้งบริษัท ครัวการบินจะแบ่งส่วนงานออกเป็น 2 ส่วนคือ ครัวที่ขายออกร้านค้า ร้านอาหารทั่วไป เช่น ร้านพัฟ แอนด์ พาย, จัดเลี้ยง และครัวที่ทำอาหารส่งขึ้นเครื่องบิน เพื่อทำให้การบริหารจัดการง่ายและสะดวกขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ของการบินไทยจะเป็นการบินไทย และลูกค้าสายการบินที่อยู่ในกลุ่มสตาร์อัลไลแอนซ์ รวมถึงลูกค้าสายการบินที่บินเข้าออกประเทศไทย
สำหรับบริษัท ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (ฝ่ายช่าง) การบินไทยจะเป็นคนลงทุน เพื่อรองรับการซ่อมเครื่องบินของการบินไทยและของสายการบินอื่นๆทั่วโลก ภายใต้โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ขณะนี้อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
“การบินไทยพร้อมหาพันธมิตรร่วมทุนจากทั่วโลกที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจศูนย์ซ่อม เงินทุน รวมถึงมีฐานลูกค้าในมือ เพื่อมาลงทุนร่วมกัน ล่าสุดมีเอกชนทั้งไทยและต่างชาติสนใจร่วมลงทุนกับการบินไทยในโครงการนี้ และสอบถามข้อมูลเข้ามาจำนวนมาก นอกจากการมีพันธมิตรสนใจแล้ว ในส่วนของเงินทุนของการบินไทยที่จะดำเนินการในโครงการก็มีเพียงพอ เนื่องจากขณะนี้มีเงินสดในมือ 50,000 ล้านบาท”
ขณะเดียวกัน บริษัท บริการภาคพื้น ปัจจุบันการบินไทย ดำเนินการอยู่โดยส่วนมากลูกค้า 80% เป็นสายการบินไทยเป็นหลัก ที่เหลือเป็นสายการบินในกลุ่มสตาร์อัลไลแอนซ์ ขณะนี้ได้ปรับการบริการ เพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินที่มาใช้บริการ และการจัดตั้งบริษัทลูกทั้ง 4 บริษัท จะช่วยให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ลดความซ้ำซ้อน ขณะที่การบินไทยจะเป็นบริษัทแม่ที่คอยกำกับดูแลไม่ได้ขาดออกจากกัน.