
ยอดขายที่อยู่อาศัย บ้าน และคอนโดมิเนียม ที่ยังอยู่ในช่วงขาลง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังเหลื่อมล้ำ โดยอ้างอิงตัวเลข จากรายงาน ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุ อัตราการขายเฉลี่ย ของ ตลาดที่อยู่อาศัย เฉพาะ ทำเล กทม.-ปริมณฑล ยังหดตัวเกือบ 30% สวนทาง จำนวนโครงการเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น แต่ความสามารถในการซื้อของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันที่ลดลง เนื่องจากราคาที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงาน ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีเพียงตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน ที่ยอดขายยังเติบโตไปได้
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา ถึงตัวสะท้อน อย่าง ผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็มีทิศทางที่สอดคล้องกับภาวะตลาด
โดยข้อมูลจาก บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด(LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท LPN เผยว่า ณ ครึ่งปีแรก 2566 พบ รายได้ และผลกำไร ของ 38 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีความผันผวน
รายได้รวมทั้งหมด อยู่ที่ 153,731.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.50% สำหรับผลกำไรรวมกัน อยู่ที่ 17,251.79 ลดลง 8.05% จากระยะเดียวกันของปี 2565 โดยมีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ย 10.40% ลดลงจาก 12.63% ในครึ่งแรกของปี 2565
เจาะในรายละเอียดนั้น ความน่าสนใจ อยู่ที่ TOP 10 ของตลาด ที่ในช่วงครึ่งแรก ทำรายได้รวมกันมากถึง 116,971.37 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน มากถึง 76.08% ของรายได้ 38 บริษัทอสังหาฯ ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่กำไรของ Top 10 บริษัทอสังหาฯ รวมในครึ่งแรกของปี ก็มีมากถึง 19,051.68 ล้านบาท สูงกว่ากำไรรวม 38 บริษัทอสังหาฯ ที่มีกำไรสุทธิรวม 17,251.79 ล้านบาท
เนื่องจาก พบว่า มีบริษัทจดทะเบียน ที่ขาดทุนสุทธิ ทั้งสิ้น 14 บริษัท โดยมี บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เป็น ผู้นำด้านรายได้ ส่วน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เป็น ผู้นำด้านกำไรครึ่งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ จำนวนสต๊อกที่อยู่อาศัยคงเหลือ และหน่วยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก โดยนับรวมจากทั้ง 38 บริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ 638,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.96% จาก 626,535.06 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านมา สต๊อกมากสุด นำโดย บมจ.แสนสิริ, ศุภาลัย, เอพี, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, เอสซีฯ และพฤกษา เป็นต้น