
จากภูมิภาคที่เคยเจ็บหนักมากที่สุด ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 สู่ ภูมิภาคเดียวในโลก ที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด สำหรับภูมิภาค “เอเชียแปซิฟิก” ซึ่งรวมถึงโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยด้วย
ข้อมูลของ World Travel & Tourism Council หรือ WTTC ประเมินว่า ปี 2566 ภูมิเอเชียแปซิฟิก ที่นำโดย อินเดีย ออสเตรเลีย ไล่มาถึง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม จะช่วยทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยว กลับมาพุ่งสูงขึ้นถึง 71%
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง คือ หลังจากโควิด นักท่องเที่ยว มีความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ และกำลังซื้อซับซ้อนมากขึ้น นี่จึงเป็นได้ทั้งโอกาสและอุปสรรค โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจโรงแรม
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของผู้บริหารกลุ่มโรงแรมดังระดับโลก อย่าง Hilton ซึ่งมีโรงแรมและรีสอร์ตมากกว่า 7,300 แห่ง ใน 123 ประเทศทั่วโลก ผ่านหลากหลายแบรนด์
ล่าสุด “กาย ฟิลลิปส์” รองประธานอาวุโสด้านการพัฒนา ภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลียของ Hilton เผยว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจและหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนจากหลายปัจจัย แต่กลุ่ม Hilton มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เนื่องจากภูมิภาคนี้ มีประชากรกระจุกตัวมากถึง 60% ของประชากรโลก เป็นเป้าหมายเมืองท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y ขณะเดียวกัน มีอัตราการเติบโตของคนชนชั้นกลาง (Middle Class) ที่อาจมากถึง 1.5 พันล้านคน ภายในปี 2573 อีกทั้งภูมิภาคนี้ ยังมีประเทศชั้นนำที่เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อยู่ถึง 3 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้แข็งแกร่ง
ขณะที่ “เจนนี ไมโลส์” รองประธานฝ่ายการจัดการแบรนด์สวีตส์แอนด์โฟกัสเซอร์วิสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Hilton ระบุว่า กลุ่มผู้บริโภค Middle Class รวมไปถึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม Business Travelers ที่เที่ยวพักผ่อนและทำงานพร้อมกันในทริปเดียว ก็มีแนวโน้มเกิดขึ้นเยอะขึ้นในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน จึงเป็นโอกาสของโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ของ Hilton
โดยเตรียมนำโรงแรม แบรนด์ HILTON GARDEN INN มาเจาะในตลาดท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากประเทศจีน และเมื่อปี 2564 ได้มีการเปิดโรงแรมแบรนด์นี้ในจังหวัดภูเก็ตของประเทศไทยแล้ว ผ่าน Hilton Garden Inn Phuket Bang Tao (หาดบางเทา)
ควบคู่ไปกับการเปิดตัวในประเทศเกาหลีใต้ ด้วยโรงแรม Hilton Garden Inn Seoul Gangnam และในประเทศออสเตรเลีย กับ Hilton Garden Inn Albany ส่วนเมื่อปีที่แล้ว ทาง Hilton ได้เฉลิมฉลองการเปิดโรงแรม Hilton Garden Inn แห่งที่ 50 ในประเทศจีน ซึ่งทางแบรนด์ตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาขึ้นเป็นสามเท่า
ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นได้เปิด Hilton Garden Inn แห่งแรกกับ Hilton Garden Inn Kyoto Shijo Karasuma และในปีนี้ทาง Hillton จะเปิดตัว Hilton Garden Inn Da Nang ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าชายหาดเป็นแห่งแรกของ Hilton ในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งเฉพาะไตรมาสที่ 2 ไตรมาสเดียวของปีนี้ ทาง Hilton ได้เปิดให้บริการห้องพักมากกว่า 3,700 ห้องในประเทศจีน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าในปี 2565 ถึงสามเท่า
จนถึงปัจจุบัน แบรนด์ Hilton Garden Inn มีโรงแรมเปิดให้บริการแล้ว 75 แห่ง ใน 10 แห่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกำลังพัฒนาอีก 130 แห่งในภูมิภาคนี้
สำหรับในประเทศไทยเวลานี้ มีโรงแรมในแบรนด์ Hilton Garden Inn เปิดให้บริการหนึ่งแห่ง คือ Hilton Garden Inn Bang Tao และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและดำเนินงานอีก 4 แห่ง ได้แก่
ทั้งนี้ ทาง Hilton Garden Inn มีแผนเพิ่มการเติบโตของธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกสามเท่าในอนาคตอันใกล้นี้ โดยจะเน้นจุดขายของห้องพักโฉมใหม่ กว้างขวาง เหมาะกับการเข้าพักผ่อนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีไลฟ์สไตล์ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทำธุรกิจ หรือเพื่อการพักผ่อน โดยจะนำเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นมาสร้างความพิเศษให้กับห้องพักนั้นๆ และเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ถูกจัดวางเพื่อเอื้อต่อการใช้งานในทุกๆ มุมของห้องพัก และมีความทันสมัย ขณะที่ราคานั้น แม้จะเป็นห้องพักหรู แต่แบรนด์ Hilton Garden Inn จะจัดอยู่ในกลุ่มราคาย่อมเยา ราว 2,500-4,000 บาท/คืน โดยแบรนด์นี้ถูกวางไว้เป็นตัวพลิกให้กับแผนการเติบโตระยะยาวของฮิลตันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.