
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า จากการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ ผลการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” สัญจร รวม 3 ครั้งที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าร่วมงานมากกว่า 23,000 ราย คิดเป็นจำนวนเงินการขอใช้บริการทางการเงินและการแก้ไขหนี้รวมกว่า 14,000 ล้านบาท และคาดว่าการจัดงานอีก 2 ครั้งที่ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 20-22 ม.ค.2566 และ จ.สงขลา วันที่ 27-29 ม.ค.2566 จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 ราย
ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ซึ่งกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินได้จัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ไปทั่วทุกภาคเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีปัญหาเรื่องหนี้ สามารถมาปรึกษาทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ได้ ซึ่งสถาบันการเงินของรัฐพร้อมที่จะช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาลเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชนในช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยเชื่อว่าเมื่อประชาชนมีรายได้เพียงพอ ก็จะกลับมาชำระหนี้ได้ดังเดิม
นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการทวนสิทธิของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ว่าเดือน ม.ค.66 ได้วงเงินเท่าใดและสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าใด โดยผู้ถือบัตรคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 300 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ถือบัตรคนจนมีรายได้มากกว่า 30,000-100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 200 บาทต่อเดือน โดยทุกวันที่ 1 ของเดือนผู้ถือบัตรคนจนมีสิทธินำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายในการซื้อสินค้าตามร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าผ่านบัตรคนจน โดยสิทธิที่ได้ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมไว้ใช้ในเดือนถัดไปได้ ส่วนสิทธิพิเศษที่รัฐบาลมอบให้ผู้ถือบัตรคนจน มีดังนี้ เดือน ม.ค.66 ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ 200 บาทเพียงเดือน ม.ค.นี้เท่านั้น ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.66) นอกจากนี้ยังช่วยค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เป็นต้น.