
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้พิจารณาปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.จากเดิมคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้จะเติบโตได้ 2.75-3.5% เป็นขยายตัวได้ในกรอบ 3.0-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออก เดิมคาดว่ายังขยายตัวในกรอบ 6-8% เป็น 7-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดิมอยู่ในกรอบ 5.5-7% เป็น 6-6.5%
“กกร.ประเมินอัตราการเติบโต ของภาวะเศรษฐกิจไทยได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีกว่าคาดเมื่อเทียบกับปีที่ ผ่านมาที่มีเพียง 400,000 คน ปีนี้มีโอกาสเห็น 9-10 ล้านคน และในปีหน้าคาดว่าจะถึง 20 ล้านคน ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในปีหน้า กกร.คาดการณ์ว่าจีดีพีมีโอกาสเติบโตไม่น้อยกว่า4%”
สำหรับแรงกดดันจากการถดถอยของสภาพเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวอาจกระทบการส่งออกในระยะต่อไปที่ต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และราคาพลังงานที่สูงทำให้เศรษฐกิจสหภาพยุโรปเสี่ยงถดถอย ขณะที่จีนยังเติบโตแบบจำกัด ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายๆประเทศ ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด สวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ดังนั้น จึงเป็นแรงกดดันทำให้ประเทศไทยยังคงเผชิญเงินเฟ้อที่สูง จากการอ่อนค่าของเงินบาทที่ทำให้ต้องจ่ายค่าพลังงานที่มากขึ้น การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ล้วนกดดันต้นทุนผู้ประกอบการที่จะต้องส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการต่อไปที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อครัวเรือน และความเสี่ยงรายได้ภาคเกษตจากภาวะน้ำท่วมคาดการณ์ความเสียหายรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 5,000-10,000 ล้านบาท.