ธุรกิจซมพิษเศรษฐกิจถดถอย! เงินเฟ้อพุ่ง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ธุรกิจซมพิษเศรษฐกิจถดถอย! เงินเฟ้อพุ่ง

Date Time: 16 ก.ย. 2565 05:30 น.

Summary

จากผลสำรวจผู้ตอบกว่า 90% ระบุว่าธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าครองชีพสูง การขึ้นดอกเบี้ยและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะทำให้ยอดขาย กำไรและลูกค้าลดลง

Latest

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้ 24 ธ.ค. 2568 อัปเดตราคาน้ำมันทุกชนิดล่าสุดลิตรละกี่บาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบเศรษฐกิจโลกต่อธุรกิจไทย ที่สำรวจความเห็น 850 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า จากผลสำรวจผู้ตอบกว่า 90% ระบุว่าธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าครองชีพสูง การขึ้นดอกเบี้ยและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะทำให้ยอดขาย กำไรและลูกค้าลดลง ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นและขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น กลุ่มอาหาร แฟชั่น เกษตร ยานยนต์ ธุรกิจเช่าซื้อ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เครื่องประดับ ส่งผลให้ธุรกิจมีโอกาสเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และบางส่วนอาจปลดคนงาน “ภาคธุรกิจมองว่า เศรษฐกิจไทยช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี จะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่สิ่งที่กังวลคือ ต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงและเงินเฟ้อสูงขึ้นจากราคาพลังงาน จึงต้องการให้รัฐบาลสกัดเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ภาคธุรกิจยังทำธุรกิจต่อไปได้”

ส่วนมาตรการดูแลราคาพลังงาน เป็นมาตรการที่ดีเพื่อลดความร้อนแรงด้านต้นทุนการผลิตและต้นทุนค่าครองชีพ ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแม้เป็นต้นทุนในภาคอุตสาหกรรม แต่ไม่ใช่เหตุให้ภาคอุตสาหกรรมลดแรงงาน โดยภาคธุรกิจกว่า 80% จะไม่ปรับลดคนงานหลังขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่น้ำท่วมในประเทศจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อจีดีพีน้อยมาก และรายได้จากการท่องเที่ยวจะเข้ามาชดเชยความเสียหายได้ “เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ จะกดดันให้จีดีพีไทยปีนี้ลดลงมาใกล้เคียงปีก่อน ถ้าผลักดันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใกล้เคียงหรือมากกว่า 10 ล้านคน จะลดผลกระทบได้เกือบทั้งหมด คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทะลุ 10 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 240,000 ล้านบาท และยังคงคาดการณ์เดิมว่า ปีนี้จีดีพีจะขยายตัว 3.1% ส่งออกขยายตัว 5-6% ส่วนปี 66 จีดีพีจะโต 3-3.5%”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ