จับตาจ่อขึ้นราคาสินค้าระลอก 2

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จับตาจ่อขึ้นราคาสินค้าระลอก 2

Date Time: 2 พ.ค. 2565 05:46 น.

Summary

บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ อยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากราคาน้ำมัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องปรับขึ้นราคาสินค้าขายปลีกเพิ่ม

Latest

จีดีพีเกษตรไทยปี 68 โต 3.3% รับฝนดี–น้ำเพียงพอ-เกษตรกรพร้อมปรับตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ข้ามชาติว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากราคาน้ำมัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องปรับขึ้นราคาสินค้าขายปลีกเพิ่มอีกระลอกอย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้บรรดาผู้ผลิตข้ามชาติทั้งหมดได้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคมาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์และพีแอนด์จี ได้ปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 5-20% ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ปรับราคาสูงสุด ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

โดยการปรับราคาในระลอกแรกเกิดจากผลกระทบของค่าเงิน ต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ซึ่งกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน สำหรับผลกระทบหลังจากขึ้นราคาระลอกแรกไปแล้วคือยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง แต่เมื่อดูตัวเลขรายได้จากยอดขายไม่ได้ลดลงตาม เพราะมีการขึ้นราคาไปชดเชยกับยอดขายที่ลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าระลอกใหม่จากผลกระทบล่าสุดที่รัฐบาลเลิกอุดหนุนน้ำมันดีเซลให้ปรับขึ้นตามขั้นบันได และต้นทุนวัตถุดิบอื่นที่ดาหน้าปรับขึ้นล่าสุดนั้น คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 3-6 เดือน สำหรับการยื่นขอปรับราคาไปยังกระทรวงพาณิชย์

สำหรับผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ในบางตลาดที่เลือกแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นด้วยการพยายามลดต้นทุนการผลิตด้านอื่นๆ เช่น ใช้พลังงานโซลาร์เซลล์และยอมลดผลกำไรลง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงและใช้กลยุทธ์ตรึงราคาเดิมไว้ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด เช่น ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานที่ผู้บริหารเครื่องดื่มกระทิงแดง และเครื่องดื่มคาราบาวแดงประกาศตรึงราคา 10 บาท หลังจากที่ค่ายโอสถสภาแนะนำ M-150 สูตรใหม่เพิ่มปริมาณวิตามินบี 12 เป็นสองเท่า ราคาขายปลีกปรับเป็นขวดละ 12 บาท นับเป็นบริษัทเดียวที่ตัดสินใจขึ้นราคาไปก่อนหน้า โดยโอสถสภามีหลายแบรนด์ แต่ M-150 เป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุด รวมกันแล้วเป็นเจ้าตลาดในไทย มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 50.4% รองลงมาคือคาราบาวแดง 20.7% และกระทิงแดงราว 12.5-14% จากมูลค่าตลาดรวม 30,000 ล้านบาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ