คาดต่างชาติมาแน่ 10 ล้านคน เลิก RT-PCR ปลุกเดินทาง-ค้าขายคึกคัก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คาดต่างชาติมาแน่ 10 ล้านคน เลิก RT-PCR ปลุกเดินทาง-ค้าขายคึกคัก

Date Time: 23 เม.ย. 2565 06:23 น.

Summary

วาดฝันงดงาม เลิกตรวจ RT–PCR เกิดกระแสเดินทางเข้าไทย คาดต่างชาติไม่ต่ำ 10 ล้านคนมาเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมรายได้คนไทยเที่ยวกันเอง

Latest

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้ 24 ธ.ค. 2568 อัปเดตราคาน้ำมันทุกชนิดล่าสุดลิตรละกี่บาท

วาดฝันงดงาม เลิกตรวจ RT–PCR เกิดกระแสเดินทางเข้าไทย คาดต่างชาติไม่ต่ำ 10 ล้านคนมาเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมรายได้คนไทยเที่ยวกันเอง ปีนี้น่าจะทะลุ 1.3–1.5 ล้านล้านบาท ด้านหอการค้าไทยขอบคุณรัฐบาล มั่นใจการค้าการลงทุนกลับมาคึกคัก แต่ต้องเดินหน้าคนละครึ่งเฟส 5 ด้วย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 22 เม.ย.2565 เห็นชอบยกเลิกกฎการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR สำหรับนัก ท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ และลดวงเงินการประกันภัยเพื่อลดต้นทุนการเดินทาง ซึ่งจะช่วยสร้างกระแสใหม่ของการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนกับมาเลเซีย ลาว กัมพูชา และเมียนมา โดยคาดว่าจะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ 7-13 ล้านคน เมื่อรวมเป้าหมายการท่องเที่ยวคนไทยในประเทศอยู่ที่ 160 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 600,000 ล้านบาท จะทำให้ในปี 2565 มีรายได้รวมคนต่างชาติและคนไทย 1.3-1.5 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า มติ ศบค.เห็นชอบปรับมาตรการเข้าประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 เป็น 2 รูปแบบ คือ คนที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบตามเกณฑ์ โดยยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก ยกเลิกการตรวจ RT-PCR สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ แต่ยังต้องลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์ พาส เพื่อตรวจสอบการฉีดวัคซีนและการทำประกันภัย วงเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดิมที่ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับการตรวจ ATK หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักท่องเที่ยว ส่วนคนฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ให้แสดงผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก็เดินทางเข้าประเทศได้เหมือนระบบปกติ แต่ถ้าไม่มีต้องเข้าพักตามระบบในสถานที่กักกัน (AQ) เพื่อกักตัว 5 วัน ดังนั้น เชื่อว่าคนกลุ่มนี้คงเลือกวิธีตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงมากกว่า เพื่อไม่ถูกกักตัว

“มติ ศบค.ครั้งนี้ถือเป็นการปรับการเข้าประเทศเหมือนภาวะปกติ ตอนก่อนการแพร่ระบาด ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันหมอชนะ ซึ่งทุกครั้งที่มีมติผ่อนปรนการเข้าประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตลอด ทำให้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาทแน่ ซึ่งยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน ถ้าหากมีก็ถือเป็นโบนัส ต้องติดตามว่าในช่วงวันชาติจีนต้นเดือนต.ค. ทางรัฐบาลจีนตัดสินใจให้คนบางมณฑลออกเที่ยวนอกประเทศหรือไม่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19 เม.ย.2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้ว 646,812 คน มากกว่าทั้งปี 2564 ที่มี 427,869 คน ส่วนผู้ติดเชื้อมี 0.46% ของผู้เดินทางผ่านระบบเทสต์ แอนด์ โก”

สำหรับการส่งเสริมคนไทยเที่ยวในประเทศ กรณีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 จำนวน 2 ล้านสิทธิ์ซึ่งหมดลงไปเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงได้พิจารณาดูวงเงินงบประมาณของโครงการนี้ที่เหลืออยู่ เพื่อนำเสนอต่อ รมว.การท่องเที่ยวฯและ ศบค.เพื่อจัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ต่ออีก 2 ล้านสิทธิ์ โดยนำเงินเก่ามาจัดทำ 1 ล้านสิทธิ์ และขอวงเงินใหม่อีก 1 ล้านสิทธิ์ ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทยที่จะหมดเขตวันที่ 30 เม.ย.นี้ แต่มีสิทธิ์คงเหลือจำนวนมากกว่า 100,000 สิทธิ์ ได้หารือกับ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาที่จะขยายไปถึงเดือน ก.ย.2565

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขอขอบคุณรัฐบาลที่ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ทั้งหมดก่อนเข้าประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้บรรยากาศการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในไทยกลับมาคึกคัก สำหรับประเด็นกระตุ้นเศรษฐกิจต่อนั้น ภาคเอกชนยังเสนอให้รัฐต่ออายุมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะแม้ว่าประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปกติ จึงควรเร่งกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นจากการคำนวณคนละครึ่งเฟส 5 หากรัฐโอนเงินให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ 30 ล้านคนคนละ 1,500 บาท จะใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาท ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 90,000 ล้านบาท ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นได้อีก 0.63-0.65% ในปีนี้ และจะช่วยให้จีดีพีตลอดทั้งปีนี้ขยายตัวเกิน 3% แน่นอน “หอการค้าฯเข้าใจดีกว่าภาครัฐต้องพยายามรักษาวินัยทางการเงินการคลัง เพราะที่ผ่านมาใช้เงินในมาตรการต่างๆ ไปมากพอสมควร แต่หากกระตุ้นต่อเนื่องไปอีกสักระยะจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะนอกจากช่วยให้มีเม็ดเงินเติมเข้าไปในระบบเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยประคองให้ภาคธุรกิจรายย่อยและการจ้างงาน เพราะขณะนี้ มีความท้าทายเศรษฐกิจไทยอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล”

สำหรับกรณีที่ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท จะสิ้นสุดลงนั้น หากราคาน้ำมันตลาดโลกยังสูงต่อเนื่อง อาจทำให้ราคาดีเซลในประเทศสูงขึ้นมาเป็นลิตรละ 35-36 บาท รัฐจึงยังต้องสร้างแรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยืนยันว่าต้องทบทวนนำโครงการคนละครึ่งเฟส 5 มาใช้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ