Metaverse โลกมายาเสมือนจริง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

Metaverse โลกมายาเสมือนจริง

Date Time: 30 ต.ค. 2564 06:44 น.

Summary

นาทีนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง “เมทาเวิร์ส (Metaverse)” กันมากขึ้นในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะจากการประกาศวิสัยทัศน์ของเฟซบุ๊กที่จะเปลี่ยนตัวเองจากบริษัทโซเชียลมีเดียไปเป็นบริษัทเมทาเวิร์ส

Latest

โอกาสสุดท้ายคนซื้อรถไฟฟ้า แห่จอง “มอเตอร์เอ็กซ์โป” หวั่นราคาขึ้นปีหน้า

สุพริศร์ สุวรรณิก สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์

นาทีนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง “เมทาเวิร์ส (Metaverse)” กันมากขึ้นในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะจากการประกาศวิสัยทัศน์ของเฟซบุ๊กที่จะเปลี่ยนตัวเองจากบริษัทโซเชียลมีเดียไปเป็นบริษัทเมทาเวิร์ส ในฐานะที่ผู้เขียนเองเป็นแฟนภาพยนตร์ซีรีส์แนว Sci-fi และซุปเปอร์ฮีโร่ ต้องยอมรับว่า เมื่อได้ยินคำนี้ทีแรก ก็พลอยนึกไปถึงคำว่า “มัลติเวิร์ส (Multiverse)” อันแปลว่า พหุจักรวาล หรือหลายจักรวาลคู่ขนานที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ซึ่งมีรากฐานแนวคิดจากทฤษฎีฟิสิกส์สมัยใหม่ อันที่จริง เมทาเวิร์สก็ไม่ได้มีความหมายหนีพ้นไปจากมัลติเวิร์สเท่าใดนัก เพราะแปลตรงตัวได้ว่า จักรวาลที่ล้ำหรือเหนือออกไป (meta คือ ล้ำ/เหนือ ส่วน verse คือ จักรวาล) แต่มีความแตกต่างสำคัญคือ จะเป็นจักรวาลที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง วันนี้จึงมาชวนท่านผู้อ่านทำความรู้จักกันครับ

ในปัจจุบันเมทาเวิร์สเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น ซึ่ง มุ่งพัฒนาเป็นโลกเสมือนจริง 3 มิติ ที่ผสานเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เข้าด้วยกัน โดยผู้ที่อยู่ในเมทาเวิร์สจะไม่ได้แค่เข้าไป “ดู” อย่างเดียว แต่จะ “มีส่วนร่วม” ด้วย หากนึกภาพไม่ออก ขอให้นึกถึงภาพยนตร์ไตรภาค the Matrix อันโด่งดังในอดีต (กำลังจะมีภาคที่ 4 ในอนาคต) ซึ่งเป็นโลกเสมือนที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นและเราเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในนั้น หรือเรื่องยอดนิยมเมื่อไม่นานมานี้อย่าง Ready Player One ที่พระเอกสวมแว่นและเครื่องมือต่างๆ เพื่อเข้าไปเล่นเกม มีตัวอวตาร (avatar) ที่ออกแบบอย่างไรก็ได้ เมทาเวิร์สก็ไม่ต่างจากลักษณะของโลกเสมือนดังกล่าว แต่เพิ่มเติมออกไปจากการเป็นเพียงแค่เกม คือ จะมีโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจสังคมที่อยู่ในโลกเสมือนนั้นด้วย โดย NFT (Non–Fungible Token) คือ ตัวอย่างของสินทรัพย์ที่จะมีการซื้อขายในระบบเศรษฐกิจของเมทาเวิร์ส

มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า แล้วเมทาเวิร์สมีความสำคัญอย่างไร? โลกแห่งความเป็นจริงก็ดีอยู่แล้ว เหตุใดต้องมีเมทาเวิร์สด้วย? ผู้เขียนขอแสดงทัศนะโดยตอบคำถามนี้ แยกออกเป็น 2 มุมมอง

มุมมองแรก ในฐานะของนักเศรษฐศาสตร์ การมีเมทาเวิร์สจะช่วยสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ของโลกใหม่ ซึ่งเป็นโลกเสมือนที่จะมีมูลค่าเพิ่มจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันที่เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนนี้ โดยจะมีผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ คู่ขนานไปกับผู้ผลิตและนักพัฒนาที่จะเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆมากมาย และจะเข้ามาสร้างนวัตกรรมในด้านต่างๆ อาทิ การต่อยอดระบบการเงินในโลก DeFi การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบดิจิทัล ตลอดจนการสร้างที่พักผ่อนหย่อนใจรูปแบบใหม่ๆให้กับผู้คนแบบเสมือนจริง 3 มิติ

อีกมุมมองหนึ่งในฐานะของผู้ศึกษาจิตวิทยาและธรรมะ แม้ในแง่บวก เมทาเวิร์สจะสามารถเป็นที่พักผ่อนสำหรับผู้คน แต่ในทางกลับกัน อาจกลับทำให้มนุษย์ “ฝังตัวเอง” อยู่ในโลกเสมือน และเกิดภาวะ “ซึมเศร้า” อย่างถลำลึกกว่าแต่ก่อน กล่าวคือ มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการใช้โซเชียลมีเดียมีผลต่อสุขภาพจิตที่แย่ลง อาทิ การเกิดความทุกข์ตรมทางจิตใจจากสภาวะความริษยาผ่าน Facebook (Facebook envy) เพราะเรามักจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆในโลกออนไลน์โดยอัตโนมัติ ท่านผู้อ่านลองจินตนาการโลกที่คนติดเมทาเวิร์สดูสิครับว่าจะเพิ่มความรุนแรงของการเปรียบเทียบขนาดไหน เช่น การอวดให้เห็นฐานะอันมั่งมีของตนจากการถือครอง NFT ผู้ใช้ที่ขาดสติจะยิ่งเกิดความโลภ โกรธ หลง อันอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น สิ่งที่อยากจะฝากท่านผู้อ่านก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหรียญสองด้าน เทคโนโลยีก็เช่นกัน

เราต้องเป็นผู้พัฒนา ควบคุมและใช้เทคโนโลยี แต่อย่าให้เทคโนโลยีมาควบคุมชีวิตเรา การมี “สติ” และ “ฉลาดใช้” ในเทคโนโลยีมีความสำคัญมาก รู้จักใช้อย่างไม่ทำลายตนเองก็จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีครับ!


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ