WTO พร้อมเป็นคนกลางนำโลกพ้นวิกฤติ รุกหารือกับผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 และจัดเจรจาจับคู่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างผู้พัฒนาวัคซีนและบริษัทผู้ผลิต ดึงภาครัฐและภาคเอกชนในองค์กรสมาชิก ร่วมมือกันลดอุปสรรค ข้อจำกัดในการขยายกำลังการผลิตวัคซีน เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว และเท่าเทียมกัน
นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำองค์การการค้าโลก (WTO) และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 WTO กังวลมากว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลก และการไหลเวียนของสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะสมาชิกอาจใช้มาตรการต่างๆ จำกัดการส่งออก จนอาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนได้
ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาสมาชิกได้หารือกันหลายครั้ง โดยมีหัวข้อรวมๆว่า “WTO Responses to Pandemic” เพื่อหาทางแก้ปัญหาโรคระบาด ลดอุปสรรคที่มีต่อการส่งออก และนำเข้าสินค้า เพื่อให้มีสินค้าไหลเวียนในห่วงโซ่การผลิตได้ตามปกติ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่จะหารือกันในช่วงการประชุมรัฐมนตรี WTO หรือ MC 12 ครั้งที่ 12 ในวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค.นี้
หาทางปลดล็อกเข้าถึงวัคซีน
นางพิมพ์ชนกกล่าวว่า เป้าหมายหลักของ WTO คือ หาแนวทางให้ประชากรโลกเข้าถึงวัคซีน และสินค้าที่เกี่ยวข้องได้อย่างทันท่วงที และเท่าเทียมกัน ซึ่งผู้อำนวยการใหญ่ WTO ได้เป็นโต้โผจัดการหารือกับผู้ผลิตวัคซีน หรือที่เรียกว่าทางเลือกที่ 3 (Third way) โดยเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกในการหารือ และจับคู่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างผู้พัฒนาวัคซีนและบริษัทผู้ผลิต รวมถึงภาครัฐและภาคเอกชนจะร่วมกันลดอุปสรรค และข้อจำกัดในการขยายกำลังการผลิตวัคซีนโควิด-19
“สำหรับประเทศไทยมีเป้าหมายหลักคือ การเข้าถึงวัคซีน จึงสนับสนุนทางเลือกที่ 3 เพราะไทยมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี และผลิตวัคซีนคุณภาพ จึงน่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนของโลกได้”
นอกจากนี้ WTO ยังร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ ทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และ WIPO ในการแก้ปัญหา และอุปสรรค ในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา WTO ได้ร่วมกับ WHO จัดการประชุม โดยเชิญบริษัทผลิตวัคซีนหลักของโลกทุกบริษัท และผู้แทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงิน องค์กรด้านสุขภาพเข้าร่วมด้วย ซึ่งได้ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดพัฒนาวิธีการรับมือกับโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น โดย WTO จะจัดทำความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆอีก เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก เพื่อเตรียมรับมือในอนาคต
ต้องไม่กีดกันส่งออกสินค้าจำเป็น
นางพิมพ์ชนกกล่าวว่า สมาชิกยังได้หารือถึงประเด็น ด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังคงเป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชน ในการวิจัยคิดค้นวัคซีนที่จะมารับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ, การอำนวยความสะดวกทางการค้า, การลดภาษีสินค้าสำคัญทางการแพทย์, ลดขั้นตอนการขนส่งข้ามพรมแดนได้
ขณะเดียวกัน ยังขอให้ประเทศสมาชิกที่ออกมาตรการจำกัด หรือควบคุมการส่งออกสินค้า จะต้องใช้มาตรการเป็นการชั่วคราวและสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ WTO ที่จะต้องโปร่งใส และไม่ส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตวัคซีน วัตถุดิบในการผลิตวัคซีน และสินค้าที่เกี่ยวข้องต้องหยุดชะงัก
“สมาชิก WTO มองว่า บทบาทของ WTO ในการรับมือกับโควิด-19 ต้องเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของการประชุม MC 12 เพราะการที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นคืนกลับมาแข็งแกร่งได้ ประชากรโลกต้องกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงก่อน”
นางพิมพ์ชนกกล่าวต่อถึงการประชุม MC 12 ว่า นอกเหนือจากประเด็นเรื่องบทบาทของ WTO ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ไทยร่วมผลักดันให้เป็นประเด็นสำคัญของ MC 12 แล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ได้ผลักดันอีก โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ประเด็นที่เจรจากันมาอย่างยาวนานแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ประเด็นในปัจจุบัน และประเด็นในอนาคต
เดินหน้าลดอุดหนุนเกษตร
สำหรับประเด็นที่เจรจาในอดีต เช่น การ เจรจาความตกลงอุดหนุนประมง และการเจรจาเกษตร โดยขณะนี้สมาชิกเดินหน้าเจรจาอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนเสนอที่ประชุม MC 12 เพื่อให้ความตกลงอุดหนุนประมงนี้ มุ่งขจัดการอุดหนุนประมงบางประเภทที่นำไปสู่การทำประมง เกินศักยภาพ การทำประมงเกินขนาด และการทำประมงที่ผิดกฎหมายและไร้การควบคุม (IUU) ในทุกรูปแบบ รวมทั้งให้มีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่างแก่ประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาน้อยที่สุด
ขณะที่การเจรจาเกษตร มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขการอุดหนุนภายในที่ส่งผลบิดเบือนการค้าสินค้าเกษตรของโลก และสร้างความเป็นธรรมด้านการแข่งขันทางการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งในเรื่องนี้กลุ่มเครนส์ (ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายสำคัญ) ที่ไทยเป็นสมาชิกด้วยนั้น เสนอว่า ใครที่ได้รับสิทธิในการอุดหนุนภายในมาก ทำให้การค้าเกษตรบิดเบือนมาก ต้องลดเพดานการอุดหนุนมาก ตามสัดส่วนไปด้วย
นางพิมพ์ชนกกล่าวต่อถึงประเด็นปัจจุบัน คือ การหารือถึงบทบาทของ WTO ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ประเด็นในอนาคต คือ การปฏิรูป WTO เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานใน 3 เสาหลัก คือ 1.การเจรจากฎเกณฑ์ทางการค้า ครอบคลุมการจัดทำกฎเกณฑ์ใหม่ ที่ทันกับทิศทางเศรษฐกิจโลก เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 2.ความโปร่งใสและการติดตาม/ ตรวจสอบมาตรการทางการค้า และ 3.การฟื้นฟูกลไกการระงับข้อพิพาท.