ส.อ.ท.ชงกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้าน สำรองไว้ใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ส.อ.ท.ชงกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้าน สำรองไว้ใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

Date Time: 4 ส.ค. 2564 07:45 น.

Summary

  • ส.อ.ท.ชงรัฐกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท แบ่งอัดฉีด 3 ช่วงตามปริมาณฉีดวัคซีน สำรองไว้ใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจนอกเหนือจากความจำเป็นในการเยียวยา

Latest

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้ 20 ก.พ.2568 อัปเดตราคาน้ำมันทุกชนิดล่าสุดลิตรละกี่บาท

ส.อ.ท.ชงรัฐกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท แบ่งอัดฉีด 3 ช่วงตามปริมาณฉีดวัคซีน สำรองไว้ใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจนอกเหนือจากความจำเป็นในการเยียวยา ด้านผู้ส่งสินค้าทางเรือหวั่นโควิดลามโรงงานกระทบมูลค่าส่งออก 6 เดือนหลังสูญกว่า 3 แสนล้านบาท ประชุมกกร.ถกด่วน ขยายล็อกดาวน์พื้นที่แดงพรึบ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ต้องการให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้สำรองในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นับจากนี้ร่วมกับก้อน 500,000 ล้านบาท หลังรัฐบาลมีมาตรการล็อกดาวน์อีก 16 จังหวัด รวมกับก่อนหน้า 13 จังหวัด รวมเป็น 29 จังหวัด โดยการกู้เงินดังกล่าวจะเป็นการเตรียมพร้อมไว้ใช้ช่วงที่จำเป็นเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด

ทั้งนี้ เมื่อกู้เงินมาอีกรวม 150,000 ล้านบาท ตนก็อยากให้แบ่งการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น 3 ระยะหลักๆคือ ระยะแรกเมื่อปริมาณการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศสามารถทำได้ถึง 25-30% ของจำนวนประชากร ระยะสองเมื่อปริมาณฉีดวัคซีนในประเทศถึง 40-50% และระยะสามเมื่อปริมาณฉีดวัคซีนในประเทศถึง 60 - 70% วิธีนี้ก็จะช่วยให้การใช้เงินเกิดประสิทธิภาพ ตรงกับความต้องการของประชาชนช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้จริงๆ โดยล่าสุดปริมาณการฉีดวัคซีนรวมในประเทศอยู่ที่ 18%

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ขณะนี้วงเงินกู้เดิมจำนวน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งล่าสุดรัฐบาลระบุว่ามีเหลืออยู่ 2,000 ล้านบาทเท่านั้น และยังไม่ใช่ก้อนที่กู้เมื่อเร็วๆนี้อีก 500,000 ล้านบาท เพราะรัฐบาลรู้ว่าถ้าอัดเงินเข้าระบบก็อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก จึงหันมาเน้นการเยียวยาทั้ง 29 จังหวัดที่ล็อกดาวน์เป็นหลัก ทำให้ขณะนี้ภาพรวมการใช้เงินของรัฐบาลจึงเป็นแบบกะปริบกะปรอย เพราะสถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด พฤติกรรมประชาชนเปลี่ยนไปหลังมีการล็อกดาวน์ไม่ออกไปใช้จ่าย มาตรการคนละครึ่งเฟส 3 จึงไม่คึกคัก รวมทั้งมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่มีเป้าหมายกระตุ้นผู้มีรายได้ใช้จ่ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะประเทศไทยติดเชื้อสูงมีผลต่อจิตวิทยาของประชาชนที่ระมัดระวังการใช้เงิน

ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.เป็นห่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดภายในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น ทั้งกลุ่มอาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ ซึ่งมีมากกว่า 1,500 โรงงาน และหากมีการระบาดโควิด-19 มากไปกว่านี้จะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องหยุดการผลิตและไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้น แต่ในระยะยาว ลูกค้าจะไม่มั่นใจซื้อสินค้าไทยและหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่นแทน

ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทย หากได้รับผลกระทบจากโควิดจนไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้จะทำให้มูลค่าส่งออกหายไปเดือนละ 1,500-2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 45,000-60,000 ล้านบาท หรือในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ รายได้จากการส่งออกอาจหายมากกว่า 200,000-300,000 ล้านบาท

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย วันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณาแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังการประกาศปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 13 จังหวัดเพิ่มเป็น 29 จังหวัดและขยายล็อกดาวน์ต่ออีก 14 วัน ว่าจะส่งผลกระทบให้ต้องมีการปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ใหม่หรือไม่ จากเดิมเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กกร.ได้ปรับลดจีดีพีปีนี้ว่าจะขยายตัวเพียง 0-1.5%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ