“กกร.” ปรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้ของไทยลดลงเหลือ 0.5-1.5% เพิ่มเป้าส่งออกโต 8-10% หลังประเมินโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยรุนแรงกว่าที่คาดไว้ หวั่นเปิดท่องเที่ยวไม่ได้ตามแผนหลังแผนกระจายวัคซีนยังไม่ถึงไหน ประเมินจีดีพีเลวร้ายสุดอาจโต 0% “ส.อ.ท.” จี้เพิ่มวงเงินค้ำประกัน บสย.ให้เอสเอ็มอี เป็น 70% ย้ำหากจะล็อกดาวน์เพิ่มควรหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบ ด้วยสมาคมธนาคารไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า กกร.ได้พิจารณาปรับประมาณการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ ให้ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 0.5-2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาให้เป็นเติบโต 0.0%-1.5% แต่ได้ปรับเพิ่มการส่งออก จากเดิม 5-7% เป็น 8-10% และคงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 1-1.2% เพราะ กกร.ยังคงกังวลถึงการแพร่ระบาดในไทยระลอก 3 ที่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าเดิมที่ประเมินไว้ก่อนหน้า
นายผยงกล่าวว่า การประชุม กกร.ครั้งนี้ได้เชิญสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ (สรท.), สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เข้าร่วมหารือด้วย ซึ่งทุกฝ่ายกังวลการระบาดที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่จะกระทบกับการท่องเที่ยวตลอดไตรมาส 3 และอาจกระทบแผนเปิดประเทศไทยได้ จุดยืนภาคธุรกิจยังเห็นว่า การเร่งฉีดวัคซีน และจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการโดยเร็วและควรมีจุดยืนที่ชัดเจนวัคซีนทางเลือกเข็มที่ 3 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว ส่วนมาตรการที่รัฐบาลอาจจะนำไปสู่การล็อกดาวน์ที่เข้มข้นขึ้น ก็ขอให้มีความชัดเจน ก่อนเพราะยังไม่อยากแสดงความเห็นเพื่อป้องกันความสับสนที่วันนี้ก็เกิดความสับสนมากแล้ว
“กกร.ได้เสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคาร และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ได้รับผลกระทบแยกจากลูกหนี้เอ็นพีแอลทั่วไป รวมไปถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ”
นอกจากนี้ยังยืนยันที่ต้องการให้ ช่วยเหลือ เอสเอ็มอี ภายใต้โครงการ Faster Payment ของ ส.อ.ท.ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าให้ได้เร็วขึ้นภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการขยายไปยัง SET100 และภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งจัดหาวัคซีนให้ประชาชนให้ได้มากที่สุดจะเป็นยี่ห้อใดก็ได้ คือไม่ใช่วัคซีนทางเลือกแต่เป็นวัคซีนทุกทาง ขณะที่แม้ว่าภาคการส่งออกของไทยมีทิศทางจะเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังกังวลเพราะการระบาดกระจายไปยังโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่การฉีดวัคซีนให้กลุ่มแรงงานก็ยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะโรงงานในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งจัดสรรวัคซีนให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วย
“กระแสข่าวรัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ ขอให้คิดให้รอบคอบและควรหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หากจะมีการล็อกดาวน์ต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากการล็อกดาวน์ด้วยเช่นกัน”
ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.เตรียมเสนอให้กระทรวงการคลังให้พิจารณาให้ บสย.ค้ำประกันเอสเอ็มอีให้เพิ่มขึ้นเป็น 70% เพื่อให้ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงและในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก 2022 ถ้าประชาชนยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้เพียงพอ จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ด้วย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า รัฐบาล ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน ซึ่งสภาหอการค้าไทยได้เตรียมหารือพบปะกับ 40 ซีอีโอหอการค้าไทย และรองประธาน ส.อ.ท. หรือ 40 ซีอีโอ พลัส ในวันที่ 8 ก.ค.นี้เพื่อสรุปมาตรการต่างๆที่จะเตรียมรองรับ.