นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต้องถูกกักตัวเข้ามาที่ จ.ภูเก็ต ตามโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์
โดยเมื่ออยู่ครบ 14 วันแล้ว จึงเดินทางไปพื้นที่อื่นของไทยได้ กรณีอยู่น้อยกว่า 14 วันต้องเดินทางออกนอกประเทศด้วยเที่ยวบินตรงเท่านั้น โดยเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบเปิดเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน ซึ่งอยู่ใน จ.สุราษฎร์ธานี รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว เที่ยวแบบจำกัดเส้นทางเฉพาะ (sealed routes) โดยวันที่ 1-3 นักท่องเที่ยวออกนอกห้องพักแต่ต้องอยู่ภายในบริเวณโรงแรม วันที่ 4-7 เที่ยวในระบบปิดตามเส้นทางที่กำหนด วันที่ 8-14 เที่ยวข้ามไปทั้ง 3 เกาะได้โดยไม่กักตัวแบบมีเงื่อนไข
“กรณีการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่ในหลายจังหวัดจะไม่มีผลต่อการทบทวนภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เนื่องจาก ศบค.ได้หารือถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรค และนโยบายการเปิดประเทศภายใน 20 วัน ซึ่งมติเปิดพื้นที่นำร่องเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะที่ จ.ภูเก็ต หรือเกาะต่างๆใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นความตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ โดยคำนึงถึงการแพร่ระบาดในพื้นที่ จำนวนผู้ได้รับวัคซีนและความพร้อมด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ทั้งนี้ การปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขจะทำอย่างเคร่งครัด และติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
ส่วนแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเสนอ โดยรัฐและเอกชนต้องหาข้อสรุปให้ได้อย่างชัดเจน ศบค.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะกำหนดว่าพื้นที่ใดจะเปิดได้หรือไม่ ส่วนกรณีคณะกรรมการบริหารราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แสดงความห่วงใยต่อนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์รับฟังข้อกังวลต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้รัฐบาลต้องเลือกแซนด์บ็อกซ์ เปิดรับนักท่องเที่ยวเฉพาะบางพื้นที่ ควบคุมเฉพาะพื้นที่นั้น แต่หากจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงก็จะดำเนินการทันที.