"ซัยโจ เด็นกิ" ชูนวัตกรรมห้องอากาศความดันลบ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"ซัยโจ เด็นกิ" ชูนวัตกรรมห้องอากาศความดันลบ

Date Time: 19 มิ.ย. 2564 05:03 น.

Summary

  • “ซัยโจ เด็นกิ” ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำในประเทศไทย เปิดตัวเทคโนโลยีคุณภาพอากาศ ชูนวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ

Latest

แก้ปัญหาสงครามราคารถอีวี

“ซัยโจ เด็นกิ” ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำในประเทศไทย เปิดตัวเทคโนโลยีคุณภาพอากาศ ชูนวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ (Negative Pressure) เพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยโควิดให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ

เป็นเครื่องยืนยันว่าอุตสาหกรรมไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง พร้อมต่อยอดนวัตกรรมสู่หอผู้ป่วยทั่วไป สถานที่ทำงาน ที่พักอาศัย หวังช่วยลดการติดเชื้อและการมีสุขภาวะอากาศสะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทยแม้หลังการแพร่ระบาดสงบลง

นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดโควิด–19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย “ซัยโจ เด็นกิ” มีความห่วงใยในความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์และของประชาชน จึงเร่งพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ เพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ

นวัตกรรมดังกล่าวพัฒนามาจากเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ที่ “ซัยโจ เด็นกิ” มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี ซึ่งระบบนี้ สามารถควบคุมทิศทางการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง จากบุคลากรทางการแพทย์ (โซนสะอาด) ไปยังผู้ป่วยติดเชื้อโควิด (โซนเชื้อโรค) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผู้ป่วยมาสู่บุคลากรทางการแพทย์

ด้วยการนำอากาศใหม่ 100% เติมเข้าสู่ภายในห้องตลอดเวลา เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคภายในห้องอย่างรวดเร็ว และทำให้ระบบดังกล่าวสามารถปรับความชื้นสัมพัทธ์ และมีประสิทธิภาพในการสร้างแรงดันลบได้ตามเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากภายในห้อง ไหลออกสู่บริเวณภายนอก เช่น ชุมชน หรือส่วนอื่นๆภายในโรงพยาบาล

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา “ซัยโจ เด็นกิ” ได้ติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนอากาศด้วยระบบความดันลบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วรวมกว่า 1,000 เตียงทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนอาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่มีอายุร่วม 37 ปี จากเดิมรองรับได้แค่ผู้ป่วยธรรมดา ปรับให้ดีขึ้นเป็นหอรับผู้ป่วยวิกฤติโควิด ได้จำนวนมากถึง 41 เตียง มูลค่ากว่า 26 ล้านบาท โดยใช้เวลาติดตั้งเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น

นายสมศักดิ์บอกอีกว่า นอก จากนี้ “ซัยโจ เด็นกิ” ยังได้ต่อยอดด้วยการขยายบริการไปยังหอผู้ป่วยทั่วไป รวมถึงในสถานที่ทำงาน และบ้านอยู่อาศัย เพื่อช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อในสถานพยาบาล รวมถึงการมีสุขภาวะด้านอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทย แม้ภายหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว

“นับเป็นความสำเร็จและความน่าภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมไทยที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่มีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง ซึ่งทางบริษัทได้จดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระบบนี้ยังได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่ามีความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์และชุมชน อีกด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ นวัตกรรมคุณภาพอากาศ แห่งความก้าวหน้าของซัยโจ เด็นกิที่พัฒนา DC Inverter 700,000 BTU/h ซึ่งวันนี้ ซัยโจ เด็นกิ ประสบความสำเร็จในการพัฒนา DC Inverter ในเครื่องปรับอากาศที่ใช้ตามบ้านทั่วไป ขนาดเฉลี่ยไม่เกิน 36,000 บีทียูต่อชั่วโมง ให้เป็นเครื่องปรับอากาศ DC Inverter ที่ประหยัดไฟได้สูงมาก ขนาดใหญ่ถึงกว่า 700,000 บีทียู และได้ติดตั้งในฐานทัพเรือสหรัฐฯเป็นรายแรกของไทย ณ วันที่ 10 เม.ย.64

ส่วนเครื่องทำน้ำแข็งปลอดเชื้อสำหรับผ่าตัด ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อผลิตเครื่องทำน้ำเกลือให้เป็นน้ำแข็ง สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้เป็นรายแรกของประเทศไทย มีลักษณะมน กลม ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย และสะอาดปลอดภัยสูง ด้วยระบบของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนอากาศในห้องผ่าตัดจากข้อกำหนดมาตรฐาน ASHRAE 170 ที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอากาศในห้องผ่าตัดไว้ที่ 20 รอบต่อชั่วโมง หรือทุกๆ 3 นาทีกับระบบ Interchangable Positive/Negative Operating Room ในห้องเดียวกันให้มีความปลอดภัยสูงกว่ามาตรฐานสากลถึง 1 เท่า โดยสามารถเปลี่ยนอากาศใหม่ได้ถึง 50 รอบต่อชั่วโมง หรือเกือบทุกๆ 1 นาที ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้ผ่าตัดคลอดลูกของผู้ป่วยโควิด ได้อย่างปลอดภัย ทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ป่วย

อีกทั้งยังได้ออกแบบเพื่อสร้างระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในห้องปฏิบัติการ BSL-3 เพื่อเก็บและป้องกันอันตรายจากเชื้อก่อโรคร้ายแรง เช่น โควิด-19 และวัณโรค เป็นต้น ทำให้สามารถทำงานวิจัยในห้องปฏิบัติการที่ต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อร้ายแรงดังกล่าวได้ ซึ่งมีราคาสูงและจำกัดมากในประเทศไทย

นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมไทยที่สามารถพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาใช้ภายในประเทศเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับต่อสู้กับการระบาดที่เกิดขึ้น!!!

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ