“บิ๊กตู่” ยันไม่ทิ้งเศรษฐกิจฐานราก ครม.อัดฉีด 4.2 พันล้านลุยโครงการพัฒนาท้องถิ่น

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“บิ๊กตู่” ยันไม่ทิ้งเศรษฐกิจฐานราก ครม.อัดฉีด 4.2 พันล้านลุยโครงการพัฒนาท้องถิ่น

Date Time: 12 พ.ค. 2564 07:45 น.

Summary

  • ครม.เดินหน้าโครงการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท แก้ปัญหาขัดแย้งการเมือง เปลี่ยนหลักเกณฑ์จากเดิมจังหวัดทำโครงการเสนอรัฐมนตรี เป็นเสนอต่อรองนายกฯแทน

Latest

ร้านอาหารอ่วม! ปิดกิจการเพียบ

ครม.เดินหน้าโครงการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท แก้ปัญหาขัดแย้งการเมือง เปลี่ยนหลักเกณฑ์จากเดิมจังหวัดทำโครงการเสนอรัฐมนตรี เป็นเสนอต่อรองนายกฯแทน โยกงบหมวดพื้นฟูฯมาหมวดเยียวยา 85,000 ล้านบาทรองรับเพิ่มเงิน “เราชนะ ม. 33 เรารักกัน” สั่งยุติเสนอโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมเพิ่ม โดยล่าสุดอนุมัติโครงการใหม่กว่า 4,200 ล้านบาท-ตัดงบโครงการกำลังใจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.พิจารณามาตรการทางเศรษฐกิจหลายประเด็นที่สำคัญ เช่น โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากวงเงิน 45,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพ ของท้องถิ่น ซึ่งจะเร่งดำเนินการทันที เมื่อสถานการณ์ของโควิดบรรเทาลง โดยจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อน ไทยไปด้วยกัน เป็นกลไกสำคัญ ภายใต้การติดตามของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบกับการเพิ่มเงินสนับสนุนในโครงการ “เราชนะ” อีกคนละ 1,000 บาท เป็นเวลาสองสัปดาห์ 33.5 ล้านคน และการเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนโครงการ ม. 33 เรารักกันอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท อีก 2 สัปดาห์เช่นกัน และขยายเวลาของโครงการออกไป ถึงเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อีกกว่า 8 ล้านคน รวมแล้วช่วยเหลือ 41.5 ล้านคน

“การวางแผนและดำเนินการช่วยเหลือประชาชนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน เตรียมความพร้อมในการฟื้นฟูอนาคตประเทศไทย และตอบรับโอกาสที่กำลังจะมาถึงนั้น ผมให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องยืนในจุดที่ทำอย่างไรเราจะมีความพร้อม ในพื้นที่จังหวัดใดได้ก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการต่างๆที่องค์กรต่างประเทศกำหนดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาด การนำคนเข้า-ออกประเทศ เราคิดไว้แต่ก็ต้องดูหลักการสำคัญของประชาคมโลกด้วย”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองในรัฐบาล เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีกำกับดูแลจังหวัดในการกลั่นกรองใช้งบฯ 45,000 ล้านบาท ดังกล่าว นายกฯจึงออกคำสั่งใหม่เป็นเสนอตรงต่อรองนายกรัฐมนตรีแทน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามพระราชกำหนดฯ 1 ล้านล้านบาท โดยขอนำวงเงินในส่วนเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม 85,000 ล้านบาท มาใช้ในหมวด การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ซึ่งเป็นการโยกวงเงินข้ามหมวดครั้งที่ 3 รวมทั้งให้หน่วยงานชะลอการนำเสนอโครงการในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมออกไป ยกเว้นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและฐานราก ที่ ครม.เมื่อ 23 พ.ย.2563 อนุมัติกรอบวงเงินนี้ไว้ 45,000 ล้านบาท ให้เดินหน้าต่อ แต่เปลี่ยนแปลงกลไกการเสนอโครงการ ให้สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี 99/2564 ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยระดับจังหวัดรับผิดชอบดำเนินการ ส่งต่อให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการแต่ละภูมิภาค โดยไม่ต้องส่งผ่านรัฐมนตรีที่รับผิดชอบระดับจังหวัดตามเดิม

ส่วนโครงการเราชนะและ ม. 33 เรารักกัน ที่ ครม.สัปดาห์ก่อนเห็นชอบในหลักการ ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ได้เห็นชอบ โดยโครงการเราชนะเพิ่มวงเงิน สนับสนุนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ จากไม่เกิน 213,242 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินไม่เกิน 280,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67,000 ล้านบาท และโครงการ ม. 33 เรารักกัน จากกรอบวงเงินเดิมที่ 37,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 11,741 ล้านบาท เป็น 48,841 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 384 รายการ วงเงิน 4,224 ล้านบาท โครงการพัฒนาการตลาดสินค้ากลุ่มผู้ทำการผลิตที่บ้านหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ 4.16 ล้านบาท โครงการฟื้นฟู เศรษฐกิจครัวเรือนคนพิการและครอบครัวด้วยเกษตรสมัยใหม่และยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์และอาหาร โดยใช้การตลาดผสมผสานผ่าน Social Media ของมูลนิธิสภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการประเทศไทย 23.69 ล้านบาท โครงการสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนและครบวงจรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างต้นแบบ 1 อำเภอ 1 ตำบล ของสุพรรณบุรี บริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อม “ร้านรวยน้ำใจ” สู้วิกฤติการระบาดโควิด-19 ของสวนพุทธชาติ ศูนย์เรียนรู้บริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน 1.64 ล้านบาท นอกจากนี้ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับลดวงเงินโครงการกำลังใจจาก 2,400 ล้านบาท เป็น 1,370 ล้านบาท หรือลดลง 1,030 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและผลการดำเนินโครงการ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ