
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมถึงลดผลกระทบจากแนวโน้มที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมโอเลโอเคมิคัล หรืออุตสาหกรรมการผลิตสารสกัดธรรมชาติจากปาล์มน้ำมันเพื่อพัฒนาเป็นสินค้ามูลค่าสูง ซึ่งประกอบด้วย 6 ผลิตภัณฑ์ คือ 1.สารหล่อลื่นพื้นฐาน 2.น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า 3.สารตั้งต้น MES ใช้ผลิตผงซักฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.น้ำมันหล่อลื่นและจาระบีชีวภาพ 5.พาราฟิน 6.สารกำจัดศัตรูพืช/แมลง ซึ่งแต่ละปีตลาดโลกมีความต้องการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น สารหล่อลื่นพื้นฐาน ความต้องการ 14 ล้านตัน ขยายตัว 3% น้ำมันหมอแปลงไฟฟ้าชีวภาพ 2 ล้านตัน ขยายตัว 8.3% ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1 ล้านตัน ขยายตัว 9% น้ำมันหล่อลื่นและจาระบีชีวภาพ 36 ล้านตัน ขยายตัว 1%
“แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมโอเลโอเคมิคัล ถือเป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มปาล์มน้ำมัน สร้างเสถียรภาพด้านราคา เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร กระตุ้นให้เกิดการลงทุนยกระดับเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมให้ภาคอุตสาหกรรมไทย และให้เสนอคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมโอเลโอเคมิคัลด้วย”
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้กวดขันโรงงาน และลานเทรับซื้อผลปาล์มดิบ ตามโครงสร้างราคาอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกดราคา และเร่งรัดการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปริมาณผลผลิตน้ำมันปาล์มจะออกมามากช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.64 อาจทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ราคาปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มปรับลดลง จึงเห็นชอบขยายเวลา ส่งออก จากเดิมถึงเดือน มี.ค. เป็นเดือน ก.ย.2564.