
เจ้าของร้าน "POP POP กระเพราจับกัง" เล่าเส้นทางกว่าจะมีวันนี้ พร้อมเผยเทคนิคขายไม่หวังกำไร เน้นปริมาณ พร้อมเล็งขยายธุรกิจให้ซื้อง่ายขายคล่อง
วันที่ 5 เมษายน 2564 รายการ "เศรษฐีป้ายแดง" ทางช่องไทยรัฐทีวี 32 พาไปพูดคุยกับ เฮียป๊อป เจ้าของร้าน "POP POP กะเพราจับกัง" ที่ปัจจุบันมีด้วยกันถึง 5 สาขา โดยมีเมนูกะเพรามากกว่า 30 เมนู ในคอนเซปต์ของร้านคือ 1 จาน กินได้ 2 คน พร้อมเปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง
เฮียป๊อป เผยว่า สมัยก่อนตอนเรียนจบมาใหม่ๆ ไปช่วยอาทำงานเกี่ยวกับบัญชี แต่ทำได้เพียง 1 ปี รู้สึกงานที่ทำอยู่ไม่เข้ากับเรา เพราะเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร จากนั้นก็กลับมาอยู่กับแม่ โดยที่บ้านเคยเปิดเป็นร้านข้าวต้มกุ๊ยมาก่อน พอยุคสมัยเปลี่ยน จึงเปลี่ยนมาทำร้านอาหารตามสั่ง โดยเปิดมาได้ 35 ปีแล้ว
ช่วงที่อยู่กับแม่เคยทำหลายอย่างทั้ง ร้านกาแฟ, ร้านข้าวไข่เจียวรถข็น และคลินิกเสริมความงาม เคยเป็นทั้งเจ้าของและหุ้นส่วน สำหรับที่ผ่านมาไม่ถึงกับขาดทุน แต่มันไม่โตจนสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ จนไอเดียมาจากลูกค้าประจำที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ชอบสั่งคอมโบชุดใหญ่ เพิ่มหลายอย่างใน 1 เมนู ทำให้ปิ๊งไอเดียตรงนั้นมาแยกทำอีกร้าน เพราะดูอลังการและแปลกเ ป็นที่มาร้าน กะเพราจับกัง ถือเป็นจังหวะดีที่ได้ลูกน้องดี เราสั่งปุ๊บเขาตอบโจทย์ได้ ทำให้พวกเราประสบความสำเร็จกันทั้งคู่
ปัจจุบันร้าน POP POP กะเพราจับกัง มีทั้งหมด 5 สาขา คือ ม.หอการค้า, ม.จันทรเกษม, ประชาชื่น, ทาวน์ อิน ทาวน์ และบางแสน มีกลยุทธ์ทางการขายเพื่อขยายธุรกิจ คือ 1 สาขา มี 2 แบรนด์ คือแบรนด์หน้าร้าน และแบรนด์ข้าวกล่อง ทำให้จาก 5 สาขา กลายเป็น 10 สาขา
สำหรับเมนูแปลกในร้าน ณ ตอนนี้ คือ กะเพราตูดไก่ย่าง, กะเพราท้องปลาแซลมอน, กะเพราเกี๊ยวซ่า โดยเฉพาะ กะเพราไข่ปลาหมึก ถือเป็นเมนูยอดฮิต เพราะตัววัตถุดิบมีราคาสูง ซึ่งทางร้านใช้ไข่ปลาหมึกเกรด A โดยเลือกซื้อวัตถุดิบที่ตลาดไท สำหรับราคาขายเริ่มต้นที่ 53 บาท เหตุผลที่มี 3 บาท เพราะกำไร 3 บาท ขายแบบเน้นปริมาณ ใครที่มาทานต้องอิ่มกลับไป เป็นที่มาของกะเพราจับกัง
โดยส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจ ทำงานเพียงวันละ 3-4 ชั่วโมง ที่เหลือก็บริหารดูตัวเลข, การจัดซื้อ, การจัดส่ง โดยให้หุ้นส่วนเป็นคนดูแลบริหารหน้าร้าน ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่มาจากลูกน้องคนสนิท ที่เลือกมาจากความขยัน เพื่อให้มาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ โดยให้ดูแลบริหารหน้าร้านแทน แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เชื่อว่าเป็นเทคนิคให้เขาไม่โกงเรา เพราะเขาก็มีรายได้ทั้งเงินเดือนและเปอร์เซ็นต์
ขณะที่ช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจพอสมควร เนื่องจากตั้งเป้าไว้จะขยาย 10 สาขาภายใน 1 ปี ตอนนี้ไปได้เพียง 5 สาขา หลังจากนี้เล็งขยายธุรกิจคือขายข้าวกะเพราให้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าขายตามหัวมุมถนน เพื่อให้ซื้อง่ายขายคล่องภายใต้แบรนด์ให้คนจำคือ "จานเดียวเจ๊ง" เป็นคอนเซต์ปขายเหมือนไม่ได้กำไร จะได้ข้าวและกับเยอะจนล้น พร้อมเชื่อว่า "ทุกธุรกิจมีโอกาสหมด แค่เราต้องจับจุดให้ได้ ปัจจุบันตลาดออนไลน์สำคัญมาก".