ที่ประชุม ครม.รับทราบมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เป็นแนวทางการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้น้ำมันปาล์มในปัจจุบัน
ที่ประชุม ครม.รับทราบมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เป็นแนวทางการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้น้ำมันปาล์มในปัจจุบันซึ่งคาดว่าปี 63 จะมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลลดลงราว 8.2% หรือลดลงจาก 67 ล้านลิตร เหลือราว 61-62 ล้านลิตรต่อวัน จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ มติดังกล่าวให้ดำเนินการ 5 มาตรการได้แก่
1.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์ม 5 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่พังงา และนครศรีธรรมราช
2.ให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เร่งรัดจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือ จำนวน 37,550 ตันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
3.มอบหมายให้กระทรวงพลังงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตพิจารณาจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่สำรองอีก 100,000 ตัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง หากยังไม่สามารถดูดซับระดับสต๊อกส่วนเกินเพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันดีขึ้นได้
4.ให้กระทรวงพลังงานเร่งส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ให้เป็นไปตามเป้า รวมทั้งเร่งรัดรณรงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ให้ผู้บริโภค ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ และสถานีบริการเพื่อให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบสามารถรองรับปริมาณผลปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้
และ 5.ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบ 372.56 ล้านบาท ให้กรมการค้าภายในเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม
ส่วนของโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 62-63 วงเงิน 13,000 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 350,000 ครัวเรือน ซึ่งขณะนี้ได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 7 งวด โดยในงวดที่ 3 งวดที่ 4 และงวดที่ 5 ไม่มีการจ่ายเงินชดเชย เนื่องจากราคาตลาดอ้างอิงสูงกว่าราคาเป้าหมาย (กิโลกรัมละ 4 บาท) สำหรับงวดที่ 7-9 ได้มีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยให้เร็วขึ้นเป็นทุก 30 วัน (จากเดิม 45 วัน) เพื่อประชาชนจะได้รับเงินได้เร็วขึ้น.