นบข.อัดเงินช่วยชาวนาแสนล้าน ลุ้นประกันรายได้ปสองเพิ่มเงินตันละ 500 บาท

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

นบข.อัดเงินช่วยชาวนาแสนล้าน ลุ้นประกันรายได้ปสองเพิ่มเงินตันละ 500 บาท

Date Time: 19 มิ.ย. 2563 07:52 น.

Summary

  • “ประภัตร” แง้มอาจมีข่าวดีเพิ่มราคาประกันสูงกว่าปีก่อนอีกตันละ 500 บาท ใช้วงเงินไม่ต่ำกว่า 23,495 ล้านบาท แถมมีทั้งเงินสนับสนุน 56,000 ล้านบาท ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท มากกว่าปีก่อน

Latest

หนี้ครัวเรือนไทย 10 ปี ไม่เคยแผ่ว ทะลุ 16 ล้านล้าน หนี้เสียพุ่ง 8.9% เสี่ยงฉุดเศรษฐกิจชะลอตัว

นบข.ใจป้ำออกโครงการประกันรายได้ปีที่ 2 “ประภัตร” แง้มอาจมีข่าวดีเพิ่มราคาประกันสูงกว่าปีก่อนอีกตันละ 500 บาท ใช้วงเงินไม่ต่ำกว่า 23,495 ล้านบาท แถมมีทั้งเงินสนับสนุน 56,000 ล้านบาท ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท มากกว่าปีก่อนเท่าตัว และมีโครงการสินเชื่อชะลอการขายและรวบรวมข้าว อีก 36,012 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินจ่ายขาด 5,728 ล้านบาท รวมทั้งหมดกว่าแสนล้านบาท

นายประภัตร โพสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ แนวทางแรกเหมือนปีที่ผ่านมา หรือแนวทางที่ 2 จะเพิ่มราคาประกันมากกว่าปีก่อนอีกตันละ 500 บาท โดยเฉพาะข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากในปีที่ผ่านมาชาวนากลุ่มนี้ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการประกันรายได้เกษตรกรเพราะราคาตลาดดีอยู่แล้ว ทำให้กาประกันรายได้เกษตรกรในปีที่ผ่านมาใช้ไม่เต็มวงเงินโดยเหลืออยู่ 1,500 ล้านบาท จึงอยากให้โอกาสให้ชาวนากลุ่มนี้ได้รับการดูแลด้วย ซึ่งจะนำมาเสนอ นบข.พิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ แนวทางที่ 1 จะเหมือนปีที่ผ่านมาคือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกัน 15,000บาทต่อตัน ปริมาณประกัน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกัน 14,000 บาทต่อตัน ปริมาณประกัน 16 ตัน ข้าวเหลือกเจ้า ราคาประกัน 10,000 บาทต่อตัน ปริมาณประกัน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกัน 11,000 บาทต่อตัน ปริมาณประกัน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกัน 12,000 บาทต่อตัน ปริมาณประกัน 16 ตัน จะใช้วงเงิน 23,495 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาอ้างอิง 22,957 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ 538 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่ผมได้เสนอว่ารัฐบาลควรหันมาให้ความสำคัญกับการวิจัยพันธุ์ข้าวเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี โดยในวันที่ 22 มิ.ย.นี้จะประชุมร่วมกับนักวิจัยพันธุ์ข้าวและภาคเอกชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน นอกจากนี้ การปลูกข้าวต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ ต้องปรับให้เรียบเสมอกันเพื่อลดการใช้ปุ๋ย ยา และน้ำ สอดคล้องกับการทำนาแปลงใหญ่”

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับชาวนาด้วย ที่ นบข.ได้เห็นชอบตามที่นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เสนอให้มีโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2563- 31 พ.ค.2564 โดยให้ใช้แนวทางการดำเนินการเหมือนปีที่ผ่านมา และให้อนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดกฎเกณฑ์กลางราคาอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไปพิจารณาราคาประกันรายได้ต่อครัวเรือน และนำกลับมาเสนอคณะกรรมการนบข.อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้การดูแลชาวนาสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบมาตรการคู่ขนานเหมือนปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 19,826 ล้านบาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร 15,562 ล้านบาท และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ในอัตราชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงิน 610 ล้านบาท โดยทั้งสามโครงการนี้ รวม 36,012 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อ 30,284 ล้านบาท เงินจ่ายขาด 5,728 ล้านบาท คาดว่าจะดูดซับอุปทานในช่วงที่ข้าวเปลือกออกมาสู่ตลาดมาก มีเป้าหมายอยู่ที่ 7 ล้านตันข้าวเปลือก 2.โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว อัตราสนับสนุน ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาทใช้วงเงิน 56,000 ล้านบาท โดยมีชาวนาได้ประโยชน์ 4 ล้านครัวเรือน มากกว่าปีที่ผ่านมาสนับสนุนไร่ละ 500 บาท หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000บาท 3.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก และโครงการยกระดับคุณภาพและต่อยอดด้านการตลาดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ใช้วงเงิน 2.85 ล้านบาท

นอกจากนั้น ที่ประชุมรับทราบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/2563 ตั้งแต่ 15 ต.ค.2562-31 พ.ค.2563 จ่ายแล้ว30งวด จำนวน 1.1 ล้านครัวเรือน จำนวน 19,000 ล้านบาท หรือ 92.67% ของงบประมาณ เนื่องจากงวดที่ 23-27 ไม่มีการจ่ายชดเชยเนื่องจากราคาอ้างอิงของข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเหนียวสูงกว่าราคาประกันรายได้ ส่วนการดำเนินการมาตรการคู่ขนาน สามารถดึงอุปทานได้รวม 5.13ล้านตัน

ส่วนการผลิตข้าวทั่วโลกปี 2563/64 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 8.1 ล้านตัน จาก 493.79ล้านตัน เป็น 501.96 ล้านตัน ด้านสต๊อกข้าวทั่วโลก ณ ปลายปี 63/64 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.83 ล้านตัน เป็น 184.18 ล้านตัน โดยจีนมีสต๊อกข้าวมากที่สุด รองลงมา คือ อินเดียและไทย โดยภูมิภาคที่ซื้อข้าวจากไทยมากที่สุด คือ แอฟริกา 4.11 ล้านตัน ในปี 2562 ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกข้าวไทยในปี 2563 ได้แก่ การได้รับการจัดสรรโควตาส่งออกไปเกาหลีใต้ ปริมาณ 28,000 ตันต่อปีและการที่ญี่ปุ่นเปิดประมูลข้าวอย่างต่อเนื่องจึงเป็นโอกาสของข้าวไทย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ