ส่องมาตรการเยียวยาเหยื่อโควิด แต่ละชาติทำอย่างไร แจกเงินสะพัด ให้ค่าเลี้ยงลูก

หลายๆ ประเทศ ออกมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทั้งมาตรการการเงินการคลัง ครอบคลุมไปถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือแรงงาน ผู้มีรายได้น้อย และให้เงินเยียวยาแต่ละครัวเรือน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ

• สหรัฐฯ จ่ายเงินอุดหนุนโดยตรงแก่ผู้มีรายได้ปานกลาง-ต่ำ จำนวน 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคน และคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันไม่เกิน 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับเงินช่วยเหลือ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจะได้รับเพิ่มตามจำนวนบุตรอีก 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบุตรหนึ่งคน และเพิ่มผลประโยชน์การว่างงาน 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 4 เดือน
  
  
• รัฐบาลของประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป ออกมาตรการช่วยเหลือแรงงาน ภายใต้ชื่อโครงการ “SURE” ให้เงินอุดหนุนแรงงานที่สูญเสียรายได้จากชั่วโมงการทำงานที่ลดลง ชั่วคราว โดยบริษัทผู้จ้างงานที่อยู่ในมาตรการนี้จะไม่ปลดแรงงานออก และแรงงานจะยังคงได้รับค่าจ้างต่อไปในสัดส่วนที่รัฐบาลอุดหนุนให้
  
  
• รัฐบาลเยอรมนี อุดหนุนค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างครอบคลุมไปถึงพนักงานชั่วคราว ประมาณ 2.35 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบเป็นสัดส่วน 60% ของค่าจ้างในชั่วโมงการทำงานที่ลดลง และ 67% สำหรับลูกจ้างที่มีบุตรอย่างน้อย 1 คน และจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเต็มจำนวนให้แก่พนักงาน โดยบริษัทจะจ่ายให้ ลูกจ้างก่อน และเบิกจากหน่วยงานรัฐภายหลัง
  
  
• รัฐบาลฝรั่งเศสเพิ่มผลตอบแทนให้กับพนักงาน ส่วนครัวเรือนที่มีบุตร ได้เงินสูงสุด 600 ยูโร หรือขอลาคลอดต่อเนื่องจำนวน 12 วัน ให้เงินอุดหนุนประมาณ 50% ของเงินเดือน ส่วนพนักงานที่ยังคงทำงานและได้รายได้ต่ำกว่า 40 ยูโรต่อวันจะได้รับเงินโบนัสเพิ่มเติม 100 ยูโรต่อวัน และให้กระทรวงศึกษาธิการ จ้างครูที่ตกงานและกำลังว่างงาน กว่า 4,500 คนให้มีงานทำ
  
  
• รัฐบาลสเปนจ่ายเงินเดือนพนักงานที่เจ็บป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด หรือโดนกักตัว เป็นมูลค่า 60 - 75% ของเงินเดือนพนักงาน และรัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนให้กับพนักงานชั่วคราวที่หมดสัญญาจ้าง ในช่วงเวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและไม่ได้รับเงินชดเชยการว่างงาน เป็นเงินจำนวน 430 ยูโรต่อคนต่อเดือน และเดือนพ.ค. มีแผนจะจ่ายเงินผู้ที่ไม่มีรายได้ประมาณ 430 ยูโรต่อคน
  
  
• รัฐบาลอังกฤษอนุโลมให้ผู้เช่าที่อยู่อาศัยของหน่วยงานรัฐ จ่ายค่าเช่าบ้านต่ำสุด 30% ของค่าเช่าบ้านในแต่ละเขต โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย.และจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่ต้องกักกันตนเอง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับบริษัทที่ไม่ได้เลิกจ้างพนักงานสูงสุดถึง 80% หรือเดือนละ 2,500 ปอนด์ต่อคน ตั้งแต่ 1 มี.ค. เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรืออาจมีการขยายเวลาเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ลูกจ้างตกงาน
  
  
• รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ สูงสุดถึง 8,330 เยน/วัน และกลุ่มอาชีพอิสระ 4,100 เยน/วัน ออกเงินสินเชื่อฉุกเฉินแก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ สามารถกู้เงินฉุกเฉินได้คนละ 100,000-200,000 เยน และไม่คิดดอกเบี้ย รวมถึงคืนเงินอาหารกลางวันให้ผู้ปกครองภายหลังการปิดโรงเรียน และให้เงินอุดหนุนประชาชนทุกคน รวมชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ คนละ 1 แสนเยน
  

  

• ออสเตรเลียให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ว่างงานคนละ 550 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยจ่ายทุก 2 สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน และให้เงินผู้รับสวัสดิการรัฐ ครัวเรือนละ 750 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยจ่าย 2 ครั้ง และให้เงินช่วยเหลือค่าจ้างแก่นายจ้าง โดยลูกจ้างจะได้รับเงินคนละ 1,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ทุก 2 สัปดาห์ นาน 6 เดือน นับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.และเริ่มจ่ายในเดือน พ.ค. และอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรแก่ทุกครัวเรือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
  
  
• รัฐบาลจีนให้หน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ศึกษาความเป็นไปได้ในการทำงาน 4.5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเพิ่มเวลาพักผ่อนมากขึ้น ให้เงินช่วยเหลือกับคนที่ตกงานในมณฑลที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่มณฑลปักกิ่ง ให้เงินอุดหนุนค่าเช่าบ้าน จากเดิม 2,400 หยวน เป็น 4,200 หยวนต่อเดือน รัฐบาลเมืองฝอซาน ในมณฑลกวางตุ้ง อุดหนุนการซื้อรถคันแรกเป็นเวลา 1 ปี และรัฐบาลมณฑลเจิ้งโจว แจกคูปองซื้อสินค้า 400 ล้านหยวน สำหรับคนรายได้น้อย และมณฑลกวางตุ้ง ให้เงินอุดหนุนการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  
  
• รัฐบาลฮ่องกง ลดค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล จาก 50% เป็น 75% ระหว่างเดือน เม.ย. ถึง ก.ย. ให้เงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกงกับคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป เพื่อเยียวยาประชาชนในยามที่เกิดสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น ในกรณีที่มีการประท้วงและมีโรคระบาดอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสนับสนุนการจ่ายค่าจ้าง 50% ให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบเป็นเวลา 6 เดือน (ไม่เกิน 9,000 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อคนต่อเดือน คาดว่าจะมีผู้ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 1.5 ล้านคน
  
  
• รัฐบาลเกาหลีใต้ แจกจ่ายคูปองช่วยเหลือครัวเรือนรายได้ต่ำ ซื้อสินค้าท้องถิ่น เพิ่มเงินเดือน 20% แก่ผู้สูงอายุในโครงการของรัฐบาล เพิ่มงบประมาณสำหรับเลี้ยงดูเด็กในแต่ละครัวเรือน เพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้หางานอายุน้อย และให้เบี้ยยังชีพแก่ผู้หางานจากครัวเรือนรายได้ต่ำ นอกจากนี้ให้แต่ละครัวเรือนหยุดเลี้ยงดูเด็ก 5 วัน โดยอุดหนุนเงินให้ 50,000 วอนต่อวัน รวมทั้งทุ่มงบ 7.6 ล้านล้านวอน แจกเงินผ่านเช็กช่วยเหลือทุกครอบครัว  
  
  
• ไต้หวัน ให้เงินช่วยเหลือผู้ที่ขาดรายได้จากการกักกันตัวเอง ให้เงินช่วยเหลือแก่แรงงานที่ได้รับผลกระทบ ครอบคลุมภาคขนส่ง ภาคบริการ และภาคการผลิต รวมถึงคนขับแท็กซี่ คนขับรถบัสท่องเที่ยว ให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนที่พิการ ซึ่งอยู่ในกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้ในระดับต่ำถึงปานกลาง
  
  
• รัฐบาลมาเลเซียจัดสรรเงินช่วยเหลือ 1,600 ริงกิต แก่ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 4,000 ริงกิตต่อเดือน ให้เงินช่วยเหลือ 1,000 ริงกิต แก่ครัวเรือนที่รายได้ระหว่าง 4,000-8,000 ริงกิตต่อเดือน ให้เงินช่วยเหลือ 800 ริงกิต แก่คนโสด อายุ 21 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,000 ริงกิต ต่อเดือน ให้เงินช่วยเหลือ 500 ริงกิต แก่คนโสด อายุ 21 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ระหว่าง 2,000-4,000 ริงกิตต่อเดือน และนักเรียนในระดับอุดมศึกษา ได้รับเงินช่วยเหลือ 200 ริงกิต นอกจากนี้ลดค่าไฟ 15%-50% สำหรับการใช้ไฟฟ้าที่ไม่เกิน 600 กิโลวัตต์ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และธุรกิจการสื่อสารให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี 
  
  
• รัฐบาลอินโดนีเซียให้เงินช่วยเหลือคนจน 15.2 ล้านคน ให้เงินสมทบเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบ้านและเงินดาวน์ให้กับผู้มีรายได้น้อย งดภาษีเงินได้ให้แรงงาน เป็นเวลา 6 เดือน เพิ่มจำนวนประชาชนเข้าโครงการ Family Hope Program ที่เป็นโครงการอุดหนุนเงินช่วยเหลือครอบครัวคนจนจาก 9.2 ล้านครัวเรือนเป็น 10 ล้านครัวเรือน และแต่ละครัวเรือนจะได้เงินเพิ่ม 25% ต่อปี รวมถึงเพิ่มคูปองอาหาร แจกประชาชน 20 ล้านคน เพิ่มงบประมาณจ่ายให้แรงงาน 5.6 ล้านคนที่ตกงาน และอยู่ในแรงงานนอกระบบ 
  
  
• รัฐบาลสิงคโปร์ให้เงินชดเชยพนักงานบริษัทที่ถูกกักตัว วันละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนประชาชนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปจะได้รับเงิน 100-300 ดอลลาร์สิงคโปร์ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ หากมีบุตรอย่างน้อย 1 คนที่อายุไม่เกิน 20 ปี บิดามารดาจะได้รับเงินเพิ่มอีกคนละ 100 ดอลลาร์ ส่วนผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่พักอาศัยในบ้านรัฐขนาดไม่เกิน 2 ห้อง ได้รับเงินเพิ่ม 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคูปองซื้อสินค้า และสนับสนุนค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและน้ำประปา เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตามขนาดครัวเรือน
  
  
• รัฐบาลฟิลิปปินส์ ให้เงินช่วยเหลือ 5,000-8,000 เปโซต่อเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ แก่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และลูกจ้างในธุรกิจขนาดเล็กที่รับผลกระทบจากการปิดเมือง ระยะเวลา 2 เดือน ครอบคลุมประมาณ 18 ล้านครัวเรือน และจัดสรรเงิน 1.5 พันล้านเปโซ ช่วยเหลือแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ รวมถึงขยายระยะเวลาการจ่ายภาษีเงินได้ออกไป โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับการใช้มาตรการกักกันโรค.