The Issue : "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" คว้าตำแหน่ง ซีอีโอ ปตท.คนที่ 10

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนที่ 10 ต่อจากนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ที่จะเกษียณอายุวันที่ 12 พ.ค.2563 เพื่อเริ่มปฏิบัติงานบริหาร ปตท.ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2563 รวมวาระ 4 ปี

ชื่อของนายอรรถพล หรือ “โด่ง” ที่ปรากฏขึ้นมาคว้าตำแหน่งสูงสุดของ ปตท.ครั้งนี้ สร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆให้กับผู้ที่เกาะติดข่าวเพราะดูเหมือนว่าในช่วงโค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์ให้หลัง ไม่มีชื่อใดที่ต้านทานกระแสความแรงของนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ตัวเต็งเบอร์ 1 ไปได้ เพราะมีแรงหนุนส่งพิเศษจากบิ๊กพลังงานเอกชน ที่พาไปโชว์วิสัยทัศน์กับพี่ใหญ่แถวชายแดนบูรพาแบบเน้นๆ

แต่เบื้องหลังเบื้องลึกที่ชื่อของนายอรรถพล แหวกฟ้าคว้าดาวไปครอง เพราะมีแรงหนุนโค้งสุดท้ายจากบรรดาบิ๊กผู้มีอำนาจตั้งแต่ผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งหนึ่ง ขาใหญ่ประจำ ครม. เจ้ากระทรวง ขณะที่บิ๊กพลังงานเอกชนและพี่ใหญ่แถวชายแดนบูรพาก็ไม่มีอะไรติดใจ จึงปาดหน้าเค้กคว้าชัยไปในที่สุด

ตำแหน่งซีอีโอองค์กรระดับโลกแห่งนี้ หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ ปตท. ย่อมต้องจำได้ว่า คนที่มีวาสนาเท่านั้นจึงจะได้ครอบครอง และที่ผ่านๆมา ตัวเต็งมักหลุดโผพลาดตำแหน่งในโค้งสุดท้ายคนแล้วคนเล่าสำหรับนายอรรถพล ด้วยวัยเพียง 54 ปี แต่มีประสบการณ์ครอบคลุมหลากหลายสายงานใน ปตท.มากกว่า 30 ปี ซึ่งย่อมเป็นใบเบิกทางการันตีว่าเริ่มนับ 1 ได้ทันที หลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรผงาดสู่การแข่งขันในระดับโลกต่อจากซีอีโอรุ่นพี่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ ปตท.บรรลุเป้าหมายเป็นองค์กร 100 ปีให้ได้

เมื่อปีที่ผ่านมา ปตท.มีรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท มีกำไร 119,000 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไร 75,500 ล้านบาท และยังมีบริษัทลูกที่เป็นเรือธงในการทำธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอีกเกือบ 200 บริษัท อาทิ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ที่มีทรัพย์สินเฉียดแสนล้านบาท บริษัท พีทีที โกลบอลเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีซี ที่กำลังปฏิวัติองค์กร ก้าวไปสู่โลกยุคใหม่ ในการพัฒนานวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

นายอรรถพลต้องนำทัพ ปตท.เข้าสู่สมรภูมิที่กำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (Disruptive Technology) ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงกลั่น, น้ำมัน, ปิโตรเคมี รวมทั้งธุรกิจใหม่ๆที่ ปตท.เดินหน้าไปก่อนหน้านี้ เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจเหล่านี้เป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการเติบโตของ ปตท.ในอนาคต เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องวางยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์แต่ละช่วงเวลา

ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ปตท.ยังต้องตอบสนองนโยบายรัฐบาล ตลอดจนความผันแปรของการเมือง ที่เป็นคนกำหนดนโยบายพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะภาคการเมืองที่ใช้ ปตท.เป็นเครื่องมือในการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่ซีอีโอต้องสนองนโยบายทางการเมืองในจุดที่สมดุล ไม่มากไม่น้อยจนถูกการเมืองครอบงำ และการทำธุรกิจที่ต้องอยู่คู่สังคม ชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจพลังงาน ผู้ถือหุ้น และในฐานะองค์กรที่มีศักยภาพในการดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ นอกเหนือจากการบริหารองค์กรให้มีกำไร นำกลับมาเป็นรายได้ของแผ่นดิน เพื่อใช้พัฒนาประเทศได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การลงทุนในระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2563-2567) ที่คาดว่าต้องใช้เงินลงทุน 1.1 ล้านล้านบาท

ซีอีโอคนที่ 10 จึงต้องเป็นผู้ประสานสิบทิศ ให้การทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนผสมกลมกลืน เรียกได้ว่าต้องเป็นผู้บริหารที่ครบเครื่อง “บุ๋น” และ “บู๊” ทั้งใต้ดินและบนดิน

โดยพันธกิจแรกของซีอีโอคนใหม่ คือ การนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงกลางปีหน้า เพื่อระดมเม็ดเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชน เติมเต็มรายได้ของกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก และขยายธุรกิจในเครือโออาร์ไปสู่ต่างประเทศ อาทิ แบรนด์กาแฟอเมซอน ที่ปัจจุบันได้สยายปีกไปใน 10 ประเทศทั่วโลก รวม 3,000 สาขา

นอกจากนี้ ยังต้องผลักดันโครงการ “ไทยเด็ด” ที่เป็นไพ่อีกใบหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เป็นการนำอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคเข้าไปจำหน่ายในปั๊มของโออาร์

ขณะที่ยุทธศาสตร์สำคัญตามนโยบายรัฐบาลคือ การระดมเม็ดเงินเข้าไปลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่ ปตท.มีความชำนาญและมีศักยภาพเข้าไปลงทุน.

เกรียงไกร พันธุ์เพ็ชร