สร้างกระดานหุ้นใหม่ต้นปี เวทีผู้ประกอบการตัวเล็ก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สร้างกระดานหุ้นใหม่ต้นปี เวทีผู้ประกอบการตัวเล็ก

Date Time: 11 ธ.ค. 2562 08:35 น.

Summary

  • คลังหนุนสร้างกระดานเทรดหุ้นใหม่ต้นปีหน้า หวังให้ผู้ประกอบการตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น เพื่อให้กองทุนต่างๆ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ส่วนการเปิดให้ซื้อขายหุ้นจะเป็นขั้นตอนต่อไป

Latest

เกาะติดแผ่นดินไหว: ห้าง ออฟฟิศ สถานที่สำคัญ ประกาศงดใช้อาคารชั่วคราว อัปเดตสถานการณ์ที่นี่



คลังหนุนสร้างกระดานเทรดหุ้นใหม่ต้นปีหน้า หวังให้ผู้ประกอบการตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น เพื่อให้กองทุนต่างๆ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ส่วนการเปิดให้ซื้อขายหุ้นจะเป็นขั้นตอนต่อไป เผยเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือชาวนาเข้า ครม.วงเงิน 51,000 ล้านบาทวันนี้

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวในงานสัมมนา “เศรษฐกิจฐานราก พลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย” ว่า การที่ประเทศไทยจะเข้มแข็งได้ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ จะต้องเริ่มจากการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง โดยเอกชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งหนึ่งในมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากคือการสนับสนุนด้านเงิน ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อสร้างตลาดทุนใหม่หรือกระดานหุ้นใหม่ นอกจากกระดานหุ้นปกติและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ กระดานหุ้นดังกล่าวจะมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรนกว่ากระดานหุ้นปกติ เพื่อสนับสนุนให้คนตัวเล็ก เช่น ธุรกิจของชุมชน เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายเล็ก สตาร์ตอัพ เป็นต้น สามารถเข้าร่วมและเป็นแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อให้กองทุนต่างๆที่สนใจเข้ามาลงทุน ส่วนการจะเปิดให้ซื้อขายหุ้นได้นั้นจะเป็นขั้นตอนต่อไป โดยการสร้างตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการตัวเล็กนั้นมีขึ้นในหลายประเทศ ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ จีนและสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการตัวเล็กเข้ามาจำนวนมาก

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมกันให้ความรู้ทางการเงิน การค้าขายบนระบบ ออนไลน์ การจัดการบัญชีเบื้องต้น และการนำเทคโน-โลยีใหม่ๆมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วย

“งานนี้เป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันกับภาคีเครือข่าย อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) วิสาหกิจชุมชน เป็นต้น เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ผ่านกลไก 3 สร้าง คือ 1.การสร้างโอกาส สร้างองค์ความรู้ สร้างอาชีพ 2.การสร้างตลาด เพื่อส่งเสริมชุมชน ต้องมี ตลาดชัดเจน มีพื้นที่ค้าขาย ทั้งตลาด สถานที่ตั้งในชุมชน และตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้ในท้องถิ่น 3.การสร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะต้องเป็นผู้ปล่อยกู้เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น”

ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ในวันที่ 11 ธ.ค.2562 กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ของ ธ.ก.ส.เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 51,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวข้าวปีการผลิต 2562/63 ในอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น 26,000 ล้านบาท โดยผู้ที่จะรับเงินอุดหนุนในโครงการนี้จะต้องไม่ได้รับเงินชดเชยความเสียหายประกันภัยข้าวนาปีจากอุทกภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังที่กำหนดให้ ไร่ละ 1,113 บาท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวน 1.9 ล้านไร่

2.โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปี 2562/63 วงเงิน 10,000 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านตัน ตันละ 1,500 บาท เพื่อให้เกษตรกร สถาบันเกษตร และวิสาหกิจชุมชน นำข้าวไปไว้ในยุ้งฉางของตัวเองเพื่อชะลอผลผลิตในตลาด โดย ธ.ก.ส.จะให้เงินชดเชยค่าข้าวไม่เกิน 80% ของราคาตลาดย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปี โดยข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 11,000 บาท ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ปลูกข้าวตันละ 9,900 บาท และข้าวเหนียวตันละ 8,700 บาท

3.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2562/63 ให้กับกลุ่มสหกรณ์วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน วงเงิน 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ไม่เกิน 15 เดือน โดยไม่กำหนดเพดานสูงสุดต่อราย

“ส่วนการจ่ายเงินในโครงการประกันรายได้เกษตรกร พืช 4 ชนิด คือ ข้าว ยาง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน จำนวนวงเงินที่อนุมัติรวมทั้งสิ้น 82,000 ล้านบาท มีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรแล้วรวม 50,000 ล้านบาท”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ