
ฐิติมา ชูเชิด ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
ตั้งแต่ช่วงกลางปีมานี้ ธนาคารกลางประเทศต่างๆประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงหลายครั้งติดๆกัน บรรดานักลงทุนในตลาดการเงินจึงเริ่มมองว่า ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก น่าจะทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกต่ำลงจากปัจจุบันที่ต่ำอยู่แล้วและอาจต่ำไปอีกนาน จึงน่าคิดว่าภาวะ lower for longer จะมีนัยอย่างไรต่อเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายของภาครัฐและประชาชนอย่างเราๆ
รายงานเสถียรภาพระบบการเงินโลกของ IMF ล่าสุดได้เน้นความสำคัญของภาวะ lower for longer โดยธนาคารกลางประเทศต่างๆคิดเป็น 70% ของขนาดเศรษฐกิจโลกหันมาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น การตอบสนองอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางในการลดอัตราดอกเบี้ยและการสื่อสารถึงความพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอลงกว่านี้ ทำให้นักลงทุนมองว่า น่าจะเห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำลงอีกนาน ส่งผลให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินทั่วโลกปรับลดลงตาม โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่ต่ำลงมากและติดลบไปแล้วในบางประเทศ จนนักลงทุนในตลาดการเงินเริ่มมองว่า 1 ใน 5 ของพันธบัตรเหล่านี้อาจให้ผลตอบแทนติดลบนานถึงปี 2022
การคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโลกว่าจะ lower for longer ยิ่งทำให้ภาวะการเงินโลกผ่อนคลายมากขึ้น รายงานของ IMF ระบุว่า สิ่งสำคัญที่ต้องระวังในภาวะนี้คือ ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินที่จะก่อตัวเพิ่มขึ้น เช่น (1) นักลงทุนอาจแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นและกล้าตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น (risk-taking) (2) ธุรกิจและครัวเรือนอาจตัดสินใจก่อหนี้เพิ่มง่ายขึ้นจากภาระดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะเป็นปัญหา โดยเฉพาะประเทศที่มีหนี้ภาคธุรกิจหรือหนี้ภาคครัวเรือนสูงอยู่แล้ว รวมถึง (3) ผลตอบแทนการออมที่ลดลงอาจไม่จูงใจให้ออม และผู้เกษียณอายุที่พึ่งพาแค่รายได้เงินฝากจะมีเงินใช้จ่ายน้อยลง
ในแวดวงธนาคารกลางเพิ่งมีการหารือร่วมกับ IMF เมื่อไม่นานนี้ว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องระวังดังกล่าวนี้ ยังพอมีทางใช้มาตรการดูแลช่วยได้ ทั้งประเภทป้องกันไว้ก่อน ประเภทแก้ไขเยียวยา และประเภทมุ่งปรับพฤติกรรม เช่น การสื่อสารไม่ให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากภาวะการเงินผ่อนคลายต่ำเกินไปและการกำกับดูแลพฤติกรรม risk-taking ที่ก่อตัวเร็ว การเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ธุรกิจหรือหนี้ครัวเรือนที่มีศักยภาพการชำระหนี้ให้มีแรงจูงใจจ่ายคืนหนี้ การสร้างวินัยทางการเงินให้ก่อหนี้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ การให้ความรู้ทางเลือกการออมในช่วงดอกเบี้ยต่ำนาน
ด้านนโยบายการคลังจะได้รับประโยชน์จากภาวะ lower for longer ของการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น เช่น (1) ลดต้นทุนการออกพันธบัตรรัฐบาลในการกู้ชดเชยขาดดุล ช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณมีต้นทุนต่ำลงสำหรับกระตุ้นการจับจ่ายและลงทุนโครงการภาครัฐที่จะช่วยให้ภาคเอกชนลงทุนต่อเนื่อง (2) การปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะเพื่อยืดเวลาคืนหนี้ โดยออกพันธบัตรระยะยาวขึ้นและกู้ถูกลง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการผสมผสานนโยบายการเงินผ่อนคลายและนโยบายการคลังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศเติบโตระยะยาวในจังหวะที่ต้นทุนการกู้ของรัฐต่ำ ควบคู่กับการใช้มาตรการดูแลความเสี่ยงต่อระบบการเงินที่อาจก่อตัวมากขึ้นในภาวะ lower for longer.
**บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**