ภายหลังจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้ประกาศรวบรวมกลุ่มธุรกิจ “รีเทล” เข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นบันทึกอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกไทยที่มีประวัติมายาวนานกว่า 70 ปีกับยอดขายในธุรกิจนี้ในปีที่ผ่านมากว่า 2.4 แสนล้านบาท การสร้างธุรกิจใหม่ๆ ในยุคของ New Central New Retail จะนำพากลุ่มเซ็นทรัลสู่ระดับโลก
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัว “บิวตี้ สโตร์” เป็นธุรกิจใหม่กับการตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่มีแนวโน้มการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัดภายใต้ชื่อ “KIS BEAUTY STORE” (คิส บิวตี้ สโตร์) มัลติแบรนด์ บิวตี้ สโตร์ แห่งใหม่ของเมืองไทย จุดหมายแห่งความงาม ที่ตอบไลฟ์สไตล์ของสาวยุคใหม่ รวมผลิตภัณฑ์ความงาม น้ำหอม และไอเทมเด็ด จากทุกมุมโลกกว่า 800 แบรนด์ดัง
นางสาวธาพิดา นรพัลลภ กรรมการ ผู้จัดการ KIS Beauty Store ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า KIS BEAUTY STORE เป็นธุรกิจใหม่ของเซ็นทรัลรีเทล เป็นมัลติแบรนด์ บิวตี้ สโตร์ แห่งใหม่ของเมืองไทย จุดหมายแห่งความงาม ที่ตอบไลฟ์สไตล์ของสาวยุคใหม่หรือมิลเลนเนียลส์อายุระหว่าง 25-34 ปี และส่วนหนึ่งของกลุ่มเจนแซด (Gen Z) ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นตั้งแต่ 18 ปีขึ้นมา ทั้งสองกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ KIS
ทั้งนี้ บิวตี้ สโตร์ ดังกล่าวได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5 เนื้อที่ 1,000 ตารางเมตร และปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และห้างสรรพสินค้าเซน ใช้งบลงทุนราว 170 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเปิดสาขาได้ครบ 30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต ป่าตอง เชียงใหม่ ฯลฯ ด้วยยอดขายรวมถึง 3,500 ล้านบาท
ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทย ปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกว่า 2.2 แสน ล้านบาท เป็นตัวเลขจากยูโรมอนิเตอร์ โตขึ้นจากปีก่อนหน้า คิดเป็น 7.4% โดยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากเจาะเฉพาะผลิตภัณฑ์
ความงามของไทย จะพบสัดส่วนแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ 39% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย 31% ผลิตภัณฑ์ผม 14% เครื่องสำอาง 12% และน้ำหอม 4 % โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 25— 34 ปี หรือกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลส์ (Millennials) ซึ่งอยู่ในช่วงวัยเริ่มทำงาน ครองสัดส่วนถึง 43% ต่อยอดขายทั้งมูลค่าและปริมาณ และเมื่อผนวกเข้ากับกลุ่มคนเจเนอเรชันแซด (Generation Z) จะยิ่งได้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
“บิวตี้ สโตร์ แห่งนี้จะเป็นแหล่งรวมแบรนด์ระดับโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ ความงามกว่า 800 แบรนด์ และมีมากกว่า 80,000 ไอเทม ให้ลูกค้าได้เลือกช็อป เติมเต็มทุกสไตล์ ในราคาสุดพิเศษ และโปรโมชันโดนใจ นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่แบรนด์ชั้นนำ อย่าง Chanel, Jo Malone London, La Mer และ Three มาจำหน่ายในมัลติแบรนด์บิวตี้ สโตร์ ขณะที่ Dior ก็ได้นำเครื่องสำอาง Dior Backstage มาไฮไลต์ที่ KIS”
ทั้งนี้ KIS BEAUTY STORE ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ บรรยากาศภายในจะได้พบกับบริการต่างๆที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ บน Live Studio คอมมูนิตี้ความงามให้เป็นที่นัดพบแห่งใหม่ของสาวๆ ที่มีพร้อมสรรพเรื่องความงามตั้งแต่ Master Class By Beauty Expert ให้ลูกค้าได้ร่วมทำกิจกรรมเวิร์กช็อปพิเศษจาก บิวตี้-เอกซ์เพิร์ต เหล่ากูรูความงาม รวมทั้งจากแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ มี Live DJ ที่จะมาสร้างสีสันแตกต่างจากเคย
นอกจากนี้ ยังมี Beauty Advisor ที่ปรึกษาด้านความงามคอยให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆให้กลุ่มคนรุ่นใหม่แม้ว่าจะมีพฤติกรรมหาข้อมูลเอง แต่หากต้องการที่ปรึกษาก็มีให้บริการ และยังสามารถทัชอัปบนใบหน้าให้ลูกค้าได้เห็นสีสันที่ถูกใจบนใบหน้า พร้อมทั้ง Selfie Booth เพื่อให้ได้ถ่ายรูปอัปโหลดลงโซเชียลในรูปแบบแปลกใหม่ และที่พลาดไม่ได้กับ GAGA Attitude in A Cup (กาก้า) แบรนด์คาเฟ่เครื่องดื่มไว้บริการคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
นางสาวธาพิดา กล่าวว่า การจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่จะแตกต่างจากแผนกบิวตี้ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลที่กลุ่มเป้าหมายจะมีอายุ 30-45 ปี มีกำลังซื้อสูง ช็อป 4,000 บาทต่อครั้ง ขณะที่ KIS เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่การช็อปปิ้งจะอยู่ที่ครั้งละ 1,300 บาท การโปรโมชัน การทำตลาดและการสื่อสารจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเข้าถึงโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม จากการเปิดให้บริการมาตั้งแต่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี
พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะก้าวเป็นผู้นำในตลาดบิวตี้สโตร์ในประเทศไทย!!
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th