แม้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีจะเป็นช่วงธุรกิจซบเซา แต่จำนวนลูกค้าใหม่ของเน็ตฟลิกซ์
ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 2.7 ล้านราย จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 5 ล้านรายนั้น ได้สร้างประเด็นสงสัยว่าผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงรายนี้ จะเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่รุนแรงในอนาคตอันใกล้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อกำลังมีหลายผู้เล่นรายใหญ่เตรียมตัวเข้ามาแข่งขัน
เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ซึ่งรายงานผลประกอบการไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้แจงว่า เหตุที่ทำให้ยอดผู้ใช้งานใหม่ในไตรมาส 2 ลดต่ำลงกว่าประมาณการมาจากหลากหลายปัจจัย ประกอบด้วย การปรับขึ้นราคาแพ็กเกจในตลาดสหรัฐอเมริกา, การที่ลูกค้าใหม่เมื่อไตรมาสแรกของปี เพิ่มขึ้นสูงถึง 10 ล้านราย อันเป็นจำนวนลูกค้าใหม่รายไตรมาสที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เน็ตฟลิกซ์เริ่มก่อตั้งเมื่อ 12 ปี ที่แล้ว ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อโฟกัสที่การแข่งขัน เน็ตฟลิกซ์ยังมีโอกาสหายใจอีกพักใหญ่ เพราะการแข่งขันรุนแรงที่แท้จริงน่าจะค่อยๆก่อตัว เริ่มตั้งแต่แอปเปิล ซึ่งประกาศความร่วมมือกับวอลท์ดิสนีย์ จะให้บริการวิดีโอสตรีมมิงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รวมทั้งเอทีแอนด์ที ซึ่งร่วมมือกับวอร์เนอร์ มีเดีย กำลังจะเปิดตัวบริการวิดีโอสตรีมมิง HBO Max ปีหน้า ซึ่งจะทำให้ซีรีส์ดัง “Friends” ถูกดึงกลับไปออกอากาศบน HBO Max จากที่ปัจจุบันเน็ตฟลิกซ์ซื้อมาออกอากาศในฐานะคอนเทนต์แม่เหล็ก โดยใช้เงินกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดึง Friends ให้ยังอยู่บนเน็ตฟลิกซ์ไปจนถึงสิ้นปี
เช่นเดียวกับรายการดังเรียกเรตติ้ง “The Office” ที่จะถูกยกเลิกและดึงกลับไปออกอากาศบนบริการวิดีโอสตรีมมิงที่กำลังจะเปิดใหม่ของเจ้าของลิขสิทธิ์ NBC Universal เช่นกัน
ต่อกรณีดังกล่าว เน็ตฟลิกซ์ออกตัวว่า เงินที่ประหยัดได้จากการซื้อคอนเทนต์รายการดัง จะถูกนำมาลงทุนสร้างคอนเทนต์ของเน็ตฟลิกซ์เอง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร โดย ณ ปัจจุบัน เน็ตฟลิกซ์ลงทุนสร้างคอนเทนต์เองเป็นล่ำเป็นสัน เริ่มจากซีรีส์ไปจนถึงหนัง ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากคือ ซีรีส์เรื่อง House of Cards ซึ่งอดีตประธานาธิบดีบารัคโอบามา เป็นแฟนตัวยงและช่วยโปรโมตให้
ส่วนหนังที่เน็ตฟลิกซ์ผลิต แม้ยังไม่มีที่ฮิตเปรี้ยงปร้าง แต่ภาพยนตร์ “Roma” ก็เพิ่งกวาดออสการ์ปีล่าสุดมาได้ 3 รางวัลรวด
นอกจากนั้น เน็ตฟลิกซ์ยังมีความหวังว่ายอดผู้ใช้รายใหม่ในไตรมาส 3 จะผงกหัวขึ้น เพราะซีรีส์ฮิต “Stranger Things” ปี 3 ที่เปิดตัวไปเมื่อ 4 ก.ค. สร้างกระแสฮือฮาไม่เบา ขณะที่ซีซันใหม่ของซีรีส์ที่มีแฟนติดตามเหนียวแน่นอย่าง “Orange is the New Black” และ “The Crown” ก็จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ซึ่งน่าจะช่วยดันยอดผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ในตลาดต่างประเทศ เน็ตฟลิกซ์มีแผนที่จะบุกตลาดอินเดียให้ทะลุทะลวงยิ่งขึ้น โดยกำลังทดลองให้บริการแพ็กเกจราคาย่อมเยาที่ดูได้เฉพาะบนมือถือ ค่าบริการประมาณ เดือนละ 114 บาท เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในอินเดียได้ อันประกอบด้วยอเมซอนและ Hotstar บริการของวอลท์ดิสนีย์อินเดีย.