
โจทย์ใหญ่ท้าทายรัฐบาลบิ๊กตู่ 2 กำลังรออยู่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางข้อจำกัดทางการคลัง จากความล่าช้าของงบปี 63 อย่างน้อย 3 เดือน ยังไม่รวมถึงการหดตัวของส่งออกและการซบเซาของการท่องเที่ยวที่ต้องเผชิญ
ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ว่า อาจบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้บ้าง แต่มีข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างและฐานะทางการคลัง รวมทั้งปัจจัยลบจากภายนอกกระทบรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ หากพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สามารถแบ่งออกมาตรการออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นมาตรการการคลัง (มาตรการภาษี มาตรการใช้จ่ายภาครัฐ) ส่วนที่สอง เป็นมาตรการกึ่งการคลังดำเนินการผ่านธนาคารของรัฐ
ทั้งนี้ มาตรการทางการคลังมีข้อจำกัดเรื่องฐานะทางการคลัง ซึ่งการจะลดภาษี หรือเพิ่มการใช้จ่ายเพิ่มเติมจะทำไม่ได้มากนัก โดยเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณแสนล้าน จะส่งผลต่อการเติบโตหรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการใช้จ่ายและระดับการรั่วไหล อีกทั้งขนาดของการใช้จ่ายของภาครัฐเทียบกับจีดีพีถือว่าเล็กมากและส่วนใหญ่เป็นงบประจำ ส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับหนึ่ง การทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น ต้องอาศัยความเชื่อมั่นและการขับเคลื่อนการลงทุนของภาคเอกชน
นอกจากนี้ งบประมาณปี 2563 อาจจะล่าช้าอย่างน้อย 3 เดือน แม้จะสามารถใช้งบประมาณโดยยึดกรอบงบประมาณปี 2562 แต่จะเป็นเฉพาะงบประจำเท่านั้น ส่วนงบลงทุนใหม่ต้องชะลอออกไปก่อน ส่วนมาตรการกึ่งการคลังผ่านธนาคารของรัฐ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สาธารณะมากเกินไปในอนาคต หากโครงการปล่อยสินเชื่อกลายเป็นหนี้เสีย
“สถานการณ์งบประมาณจะซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ ต้องเผชิญกับการหดตัวของการส่งออกและความซบเซาของการท่องเที่ยว ซึ่งกรณีเลวร้ายสุด ส่งออกไทยปีนี้อาจหดตัวถึง 3% เกิดโจทย์ใหม่ของภาคส่งออกไทย ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ ยุโรป การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้าจีนสหรัฐฯ ล่าช้า ล่าสุดประเทศฝรั่งเศสได้ออกมาตรการเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และสหรัฐฯ ประกาศตอบโต้โดยการตั้งกำแพงภาษี และความตึงเครียดและตอบโต้ทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ระบบการค้าเสรีของโลกกำลังถูกสั่นคลอนด้วยการขยายตัวของลัทธิกีดกันทางการค้าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวเพิ่มมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีอำนาจผูกขาดสูงของไทย พื้นที่ในการทำมาหากินของธุรกิจรายเล็กรายย่อย ถูกปิดกั้นจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี เข้าถึงเงินทุน พื้นที่และปัจจัยการผลิต ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดผลไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจเกิดการกระจุกตัวของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เมื่อประเมินปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว ประกอบกับธนาคารกลางทั่วโลกส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ไทยมีความจำเป็นเพิ่มขึ้นในการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการเงินเพื่อประคับประคองภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว.