
ผู้ประกอบการส่งออก SME ไทยก้าวไกลในตลาดโลกอย่างเข้มแข็ง ตอนนี้หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกันสนับสนุนสมรรถนะการทำธุรกิจด้านส่งออก-นำเข้า ของกลุ่มผู้ประกอบการ SME นำโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) EXIM Bank สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ได้ร่วมกันจัด “โครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs ระยะที่ 2” ให้ผู้ที่สนใจอบรมฟรีในรูปแบบ e-Learning ซึ่งพัฒนาหลักสูตรโดยสถาบันธนาคารไทย ตั้งแต่พฤษภาคม-ธันวาคม 2562 ขั้นตอนการสมัครไม่ยุ่งยาก และยังมีวงเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทดลองซื้อประกันค่าเงินหรือ FX Options มูลค่า 50,000 บาท ให้กิจการ SME ที่มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้แถลงข้อมูล “โครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs ระยะที่ 2” โดยนางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดการเงินโลกเกิดขึ้นตลอดเวลาและเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเสี่ยงให้แก่ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจส่งออก-นำเข้า หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเห็นตรงกันว่า การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องมีความเข้าใจและนำไปใช้ในการทำธุรกิจส่งออก-นำเข้า เพื่อเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีจากความผันผวนของค่าเงินในตลาดการค้าสากล
ประกันค่าเงิน หรือ FX Options คือการซื้อสิทธิ์ในการล็อกหรือกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินไว้ล่วงหน้า วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการทราบจำนวนเงินบาทที่ต้องจ่ายหรือได้รับในอนาคตได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของค่าเงิน และช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีโอกาสที่จะจ่ายเงินน้อยลงหรือได้รับเงินมากขึ้นด้วย เนื่องจาก FX Options จะเปิดทางเลือกให้แก่ผู้ซื้อว่าจะใช้สิทธิ์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ล็อกไว้หรือไม่ก็ได้ ไม่ได้เป็นภาระผูกพัน โดยหากในอนาคต อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดดีกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ล็อกไว้ในสัญญา เช่น ขายได้เงินบาทมากกว่า หรือซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ถูกกว่า ผู้ซื้อ FX Options ก็สามารถเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิ์ตามสัญญาได้
ผู้สนใจ สามารถเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจส่งออกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ กับ “โครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs ระยะที่ 2” ซึ่งเป็นการอบรมผ่านระบบ e-Learning ซึ่งช่วยจัดสรรเวลาการเรียนรู้ของผู้ประกอบการได้ตามความสะดวก ความรู้เพื่อธุรกิจเป็นความท้าทายที่ต้องเข้ามาสัมผัสของจริง ประโยชน์เต็มร้อยที่จะเกิดขึ้นคือความมั่นใจในการทำธุรกิจส่งออก-นำเข้า แล้วมีกำไร ทั้งสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน สำหรับรูปแบบการอบรมมีทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ
ไฮไลต์สำคัญสำหรับผู้ขวนขวายใฝ่รู้ ภาครัฐยังมอบสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการที่อบรมครบถ้วนตามหลักสูตร โดยจะได้รับวงเงินค่าธรรมเนียมมูลค่า 50,000 บาทต่อหนึ่งกิจการ เพื่อนำไปใช้ทดลองซื้อประกันค่าเงิน หรือ FX Options ซึ่งครอบคลุมมูลค่าการส่งออก / นำเข้า ประมาณ 70,000-200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับประเภทของ options และอายุสัญญา โดยนำวงเงินค่าธรรมเนียมที่ได้รับไปซื้อ FX Options กับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ 8 แห่ง (เลือกซื้อได้ 1 แห่ง) ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารยูโอบี ได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2562
คุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์รับวงเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว คือ 1.จะต้องเป็นผู้ที่มีกิจการเป็นสมาชิก สสว. หากยังไม่เป็นสมาชิกสามารถสมัครสมาชิกได้ฟรีที่ www.sme.go.th 2. เป็นผู้ส่งออก/นำเข้าที่มีรายได้ในปี 2559 หรือ 2560 ไม่เกิน 400 ล้านบาท และ 3.ผู้เข้าอบรมจะต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินหรือเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำธุรกรรมกับธนาคาร ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องอบรม e-Learning ภายในวันที่ 20 กันยายน ถึงมีสิทธิ์ได้รับวงเงินค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ยังสามารถเข้าเรียนได้หลังจากวันที่ 20 กันยายนจนถึงธันวาคม 2562 เพียงแต่จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการได้รับวงเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว
โครงการดีที่มีแต่ประโยชน์ให้กับ SME ภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ช่วยปิดประตูเสี่ยงความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการติดอาวุธทางปัญญา ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนอบรมฟรีได้ตั้งแต่วันนี้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ http://www.exim.go.th/th/FxOption/fxRegExim.aspx