แผนกำจัดซากแผงโซลาร์เซลล์ หมดอายุใช้งาน 7.9 แสนตัน

เร่งตั้งโรงงานรีไซเคิล

นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งหาแนวทางกำจัดซากแผงโซลาร์เซลล์ที่เป็นทางเลือกใหม่ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะต้องหาแนวทางการกำจัดให้ถูกวิธีเมื่อแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุการใช้งาน เพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยไทยเริ่มใช้แผงโซลาร์เซลล์ปี 45 และมีอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์ 20 ปีหลังจากติดตั้ง คาดว่าในปี 65 เป็นต้นไป จะมีแผงโซลาร์เซลล์ทยอยหมดอายุสะสมสูงถึง 620,000-790,000 ตัน

ทั้งนี้ กระทรวงจะสนับสนุนให้มีการลงทุนโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจรับคืนแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าแผงดังกล่าวสามารถซ่อมแซมเพื่อนำกลับไปใช้งานได้อีกหรือไม่ หากเสียหายบางส่วนก็อาจซ่อมแซมได้ หรือหากหมดอายุใช้งานจะใช้วิธีซ่อมบำรุงที่ถูกต้อง เช่น เปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวเพื่อให้นำกลับมาใช้ใหม่ เช่น เปลี่ยนไดโอด หรือสายไฟในระบบจะต่ออายุกลับมาใช้ใหม่ได้ “แผงโซลาร์เซลล์แตกหักไม่สามารถใช้ได้ จะส่งเข้าศูนย์รีไซเคิล เพื่อใช้กระบวนการที่ถูกวิธี เช่น นำแผงที่ผลิตจากแร่ควอตซ์ หรือส่วนประกอบอื่นที่ใช้การได้มาทำเป็นสินค้าใหม่ในรูปกระจกทึบ เพื่อใช้สำหรับงานก่อสร้างต่อไป ซึ่งเป็นตามนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน”

ส่วนที่กังวลว่าเมื่อหมดอายุใช้งานแผงโซลาร์เซลล์แล้ว จะกำจัดได้อย่างไรนั้น ตามหลักการมี 2 แนวทาง คือ ส่งไปจัดการนอกประเทศ หรือจัดการในประเทศด้วยการฝังกลบในหลุมฝังกลบของเสียอันตราย หรือเผาด้วยเตาเผาเฉพาะของเสียอันตราย หรือวิธีอื่นให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ทั้งนี้ กระทรวงจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ขออนุญาตตั้งโรงงานซ่อมแซมแผงโซลาร์เซลล์และโรงงานรีไซเคิลซากแผงโซลาร์เซลล์ ตั้งเป้าตั้งโรงงานใน 10 จังหวัด ปริมณฑล และตามหัวเมืองในแต่ละภูมิภาค ระยะแรกจะมีโรงงาน 100 แห่ง จากนั้นจะทยอยอนุญาตให้จัดตั้งจังหวัดละ 1 แห่ง คาดว่าช่วยลดปัญหาการกำจัดซากแผงโซลาเซลล์ที่จะเกิดขึ้นได้ถึง 90% มองว่า หากไม่เร่งดำเนินการจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต.