
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานการบริหารหนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปรับปรุงบริหารหนี้เงินกู้ พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จากการนำเงินเข้าไปช่วยเพิ่มทุน ในสถาบันการเงินที่เกิดวิกฤติฐานะการเงิน ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 โดยตั้งแต่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้รับการโอนการบริหาร และชำระคืนหนี้ก้อนดังกล่าวจากรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 ในวงเงินต้นรวมที่โอนมา 1,138,305.89 ล้านบาท จากการบริหารหนี้จนถึงวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมเป็นเวลา 7 ปีเต็ม พบว่ายอดเงินต้นล่าสุดอยู่ที่ 844,037.21 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของยอดเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้ชำระคืนให้กับสถาบันการเงิน และประชาชนที่ถือพันธบัตรออมทรัพย์ฯในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา คิดเป็น 536,994.78 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการชำระเพื่อตัดยอดเงินต้น 279,968.68 ล้านบาท ขณะที่เป็นการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ใกล้เคียงกันคือ 257,014.95 ล้านบาท และจ่ายเป็นค่าบริหารจัดการหนี้ 11.15 ล้านบาท จากภาระดอกเบี้ยจ่ายดังกล่าว ทำให้ยอดหนี้เงินต้นของหนี้ก้อนดังกล่าวยังคงลดลงไปได้ไม่มากนัก และในการบริหารจัดการหนี้ ต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรเพื่อชำระหนี้ก้อนนี้ได้ทั้งหมด
สำหรับแหล่งเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯนำมาใช้ในการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาได้มาจาก 3 ทาง คือ 1.เงินส่วนที่เป็นกำไร จากสินทรัพย์ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีของทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ โดยได้นำเงินส่วนนี้มาชำระหนี้แล้ว 22,255.68 ล้านบาท 2.เงินที่สถาบันการเงินต้องนำส่งตามกฎหมาย ส่วนนี้นำมาชำระหนี้แล้ว 336,026.10 ล้านบาท 3.เงินที่มาจากการบริหารสินทรัพย์ และขายสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯที่ได้รับจากการเข้าไปช่วยสถาบันการเงินในช่วงวิกฤติ ส่วนนี้ได้นำมาชำระหนี้แล้ว 178,713 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน แผนการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารจัดการหนี้ในปีงบประมาณ 2562 ที่ครบกำหนดชำระคืน 167,532 ล้านบาท กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้หารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแล้ว โดยมีแผนเพิ่มปริมาณตราสารหนี้ระยะยาวของกองทุนทดแทนตราสารเดิมที่ครบกำหนด และเน้นการออกพันธบัตรอายุ 10 ปี เพื่อลดการกระจุกตัวของภาระหนี้ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับประมาณการเงินรายรับที่สามารถนำไปชำระหนี้ ในปัจจุบัน
นอกจากนั้น การออกพันธบัตรอายุยาว 10 ปี ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังปรับตัวไม่สูงมากนักในปัจจุบัน เพื่อล็อกต้นทุนการกู้ยืมให้ต่ำลง ทำให้อายุคงเหลือเฉลี่ยภาระหนี้ก้อนดังกล่าวของปีงบประมาณปี 2562 ใช้เวลาชำระคืนอยู่ที่ 4.56 ปี เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน ก.ย.2561 อยู่ที่ 3.74 ปี ตามแผนดังกล่าวคาดว่า ทำให้มีต้นทุน 3.65% ต่อปี รองรับการไถ่ถอนตราสารได้ตามกำหนดทั้งจำนวน.