นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ถึงการยกระดับการผลิตรถยนต์ให้สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ว่า บริษัทรถยนต์ 9 ยี่ห้อ ได้แก่ โตโยต้า, บีเอ็มดับเบิลยู, จีเอ็ม, อีซูซุ, มาสด้า,เมอร์เซเดส-เบนซ์, มิตซูบิชิ, เอ็มจี, ซูซูกิ ได้ตอบรับกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ในการผลิตรถยนต์ใหม่ทุกรุ่น ทุกคันภายในปี 2564 จากกำหนดเดิมปี 2567 เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยในระยะยาว รวมทั้งจะเร่งรณรงค์ให้ลูกค้าที่ใช้รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ที่เครื่องยนต์สามารถเติมน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้ หันมาเติมยูโร 5 ซึ่งมีจำหน่ายบ้างแล้วตามสถานีบริการน้ำมัน เพราะจะช่วยลดมลพิษโดยเฉพาะฝุ่นละอองลง 20-25%
นายณัฐพล กล่าวว่า การใช้รถในอนาคตจะต้องยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำมันให้เป็นยูโร 5 เพราะขณะนี้รถยนต์มาตรฐานยูโร 4 ก็ยังคงมีการปล่อยฝุ่น PM จากไอเสียเครื่องยนต์ ที่มีความเข้มข้นกว่ารถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ถึง 5 เท่าตัว โดยในการประชุมบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ขานรับนโยบาย แม้การยกระดับมาตรฐานรถยนต์ยูโร 4 ไปเป็นยูโร 5 และยูโร 6 โดยเร็ว จะมีต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม “ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรถยนต์ระบุถึงค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น 15,000-20,000 บาทต่อคัน แต่เมื่อมีการคำนวณว่าประชาชนจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นในการซื้อหน้ากาก N 95 ทุกวันคิดเป็น 18,250 บาทต่อปีต่อคน คิดเฉพาะคนกรุงเทพมหานคร 11 ล้านคน เป็นเงินถึง 200,000 ล้านบาทต่อปี ไม่รวมกับค่าเครื่องกรองอากาศอีกเฉลี่ย 20,000 บาทต่อหลังคาเรือน การซื้อรถยนต์ที่แพงขึ้นจึงคุ้มกว่า”.