“สมคิด” จี้คมนาคมจัดซื้อจัดจ้างเมกะโปรเจกต์ให้เสร็จเดือน ก.พ.นี้ หวังช่วยดันเศรษฐกิจทะยาน ส่วนเทอร์มินอล 2 สุวรรณภูมิ เร่งหาข้อสรุปให้ได้ ลั่นถ้าให้ยุติ ขอให้เดินตามแผนแม่บท “สศช.” ปี 46 ขณะที่ “อาคม” เด้งรับ จ่อชง ครม.ไฟเขียว 21 โครงการยักษ์ รวม 1.29 ล้านล้านบาท ในเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการติดตามงานของกระทรวงคมนาคมว่า ได้เร่งรัดให้กระทรวงเร่งจัดซื้อจัดจ้าง หรือลงนามสัญญาโครงการต่างๆโดยเร็ว เพื่อให้เบิกจ่ายได้ในไตรมาส 1-2 นี้ตามแผน สำหรับโครงการที่ต้องให้มีความชัดเจน และได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.นี้ ประกอบด้วย การจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), ศูนย์ซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) ของการบินไทย กับบริษัทแอร์บัส, โครงการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ, เร่งเจรจารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด เทรน) เชื่อม 3 สนามบิน ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทิศตะวันตก 110,000 ล้านบาท ให้เร่งเดินหน้า ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 2 (เทอร์มินอล 2) สนามบินสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.นั้น ต้องการให้กระทรวง และ ทอท.เร่งให้ได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.นี้ หากจะมีข้อสรุปว่าให้ยุติโครงการ ก็อยากให้ ทอท.ดำเนินการตามแผนแม่บทเดิมปี 46 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า โครงการที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ เบื้องต้นมี 21 โครงการ รวมกว่า 1.29 ล้านล้านบาท ประกอบไปด้วย โครงการทางอากาศ 4 โครงการ มูลค่า 201,000 ล้านบาท เช่น จัดหาเครื่องบินลอตใหม่ 38 ลำ ของการบินไทย, โครงการเอ็มอาร์โอ เป็นต้น ส่วนโครงการทางน้ำ 3 โครงการ รวม 112,000 ล้านบาท คือ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3, ขยายความสามารถท่าเรือคลองเตย และปรับปรุงท่าเรือระนอง นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางราง 13 โครงการ มูลค่า 816,000 ล้านบาท เช่น ไฮสปีด เทรน ไทย-จีน, ไฮสปีด เทรน เชื่อม 3 สนามบิน, ไฮสปีด เทรน กรุงเทพฯ-หัวหิน เป็นต้น รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี, สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ และสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช เป็นต้น
ส่วนการก่อสร้างเทอร์มินอล 2 สนามบินสุวรรณภูมิว่า ได้ส่งความเห็นของ สศช. และของกระทรวง ไปให้ ทอท.แล้ว และให้ ทอท.ดำเนินการตามความเห็นของ สศช.ที่เห็นว่าควรก่อสร้างส่วนต่อขยายเทอร์มินอล 1 ด้านตะวันออกและตะวันตกก่อน จากนั้นให้ก่อสร้างด้านทิศใต้ตามแผนแม่บทปี 46 แต่หาก ทอท.ต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ถึง 150 ล้านคน/ปี ก็ขอให้ ทอท.นำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าโครงการเทอร์มินอลอื่นๆ รวมถึงเทอร์มินอล 2 ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
“สศช.ให้ ทอท.ทำตามแผนแม่บทปี 46 เพราะพิจารณาแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิแล้วเห็นว่า การคาดการณ์ผู้โดยสารตามแผนแม่บทปี 61 ของ ทอท. ที่จะมีผู้โดยสาร 150 ล้านคน/ปีนั้น ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยแผนที่ ทอท. เสนอทบทวนมาหลายครั้ง สศช.ก็ยังไม่ค่อยสนิทใจ สศช.เลยยึดแผนปี 46 หากดำเนินการตามแผนปี 46 ก็สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 120 ล้านคน/ปี”
ส่วนนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า วันที่ 20 ก.พ.นี้ จะเสนอผลการศึกษา และแผนแม่บทเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.พิจารณา ก่อนรวบรวมผลการศึกษาทั้งหมด ให้ สศช.พิจารณา หากหลังจากนี้ สศช.ให้ดำเนินการอย่างไร ก็จะดำเนินการตาม.