
เกษตรฯ เผย “สมคิด” สั่งชะลอนำเข้ามะพร้าวไม่มีกำหนด จากเดิมนำเข้าตั้งแต่ ม.ค.62 หวังป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมไฟเขียวเปิดตลาดเมล็ดถั่วเหลือง ขณะที่ “เอ้กบอร์ด” อัดงบ 17 ล้านบาท หนุนผู้ส่งออก ดันส่งออกไข่ไก่ 30 ล้านฟอง ปลดแม่ไก่ยืนกรง หลังไข่ไก่ล้นสต๊อกกว่า 70 ล้านฟอง
นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 3/61 ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ชะลอการเปิดตลาดนำเข้ามะพร้าวภายใต้องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ออกไปก่อน จากเดิมที่จะเปิดนำเข้าเดือน ม.ค.62 เพราะเกษตรกรขอให้รอข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปริมาณผลผลิต ความต้องการใช้ ฯลฯ จากคณะทำงานในแต่ละจังหวัดก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาจะเปิดตลาดนำเข้าภายใต้ทั้ง 2 ความตกลงอย่างไร โดยให้จัดทำข้อมูลและนำกลับมาเสนอที่ประชุมครั้งหน้ากลางเดือน ม.ค.62
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอให้ควบคุมปริมาณผลผลิตมะพร้าวในปี 62 ให้มีความสมดุลกับความต้องการใช้ในประเทศ และป้องกันไม่ให้ราคาตกต่ำ คือ 1.ให้ผู้ประกอบการรับซื้อมะพร้าวในประเทศให้หมดก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณากำหนดโควตานำเข้า และ 2.การใช้มาตรการปกป้องพิเศษ ภายใต้ดับบลิวทีโอ ที่กำหนดให้นำเข้ามะพร้าวได้ โดยเฉพาะมะพร้าวเพื่อการแปรรูปและส่งออก และผู้ประกอบการขอคืนภาษีได้ ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไทยนำเข้ามะพร้าว 156,000 ตัน ซึ่งหากนำเข้าไม่เกิน 156,000 ตัน สามารถคืนภาษีได้ แต่หากนำเข้าเกิน 156,000 ตัน จะต้องเสียภาษีในอัตรา 72% จากเดิม 54%
“มาตรการดังกล่าวจะทำให้ราคามะพร้าวมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างปัจจุบัน ราคาปรับตัวสูงขึ้น 5-7 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็นผลมาจากได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการรับซื้อมะพร้าวในประเทศให้หมดก่อนแล้วจึงนำเข้า โดยปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการซื้อมะพร้าวในประเทศมากขึ้น ทำให้ปริมาณนำเข้าหายไปถึง 200,000 ตัน”
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบเปิดตลาดนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ที่ปัจจุบันมีความต้องการใช้เพื่อบริโภคและผลิตอาหารสัตว์ 3 ล้านตัน แต่ผลผลิตในประเทศมีเพียง 40,000 ตัน จึงต้องนำเข้า โดยในปี 61 มีผู้ประกอบการที่ได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้นำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง 6 สมาคม 18 บริษัท แต่ล่าสุดได้อนุมัติให้นำเข้าได้อีก 2 บริษัท คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ้วงไท้เฮง และบริษัท เฮลโก โซลูชั่น จำกัด โดยผู้ประกอบการต้องทำสัญญารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในประเทศ ประมาณ 29,000 ราย ให้หมดก่อน โดยกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำ ดังนี้ ถั่วเหลืองสำหรับสกัดน้ำมัน ราคา ณ ไร่นา 17.50 บาทต่อ กก. ราคาหน้าโรงงาน 18.25 บาทต่อ กก., ถั่วเหลืองสำหรับผลิตอาหารสัตว์ ราคา ณ ไร่นา 17.75 บาทต่อ กก. ราคาหน้าโรงงาน 18.50 บาทต่อ กก. และถั่วเหลืองสำหรับแปรรูปอาหาร ราคา ณ ไร่นา 19.75 บาทต่อ กก. ราคาหน้าโรงงาน 20.50 บาทต่อ กก.
นายลักษณ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือเอ้กบอร์ด มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ 3 ระยะ โดยจะเร่งผลักดันการส่งออก 30 ล้านฟอง และปลดแม่ไก่ยืนกรง โดยใช้เงินคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) 17 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการผลักดันการส่งออกไข่ไก่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ เพื่อระบายไข่ไก่ที่เกินกว่าความต้องการบริโภค การควบคุมพ่อแม่พันธุ์- ปู่ย่าพันธุ์ และการรณรงค์บริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้นจากปีละ 220-240 เป็น 300 ฟองต่อปี
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีไข่ไก่ล้นสต๊อก 70 ล้านฟอง ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ตกต่ำ เพราะมีการเลี้ยงไก่ไข่เพิ่มขึ้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการบริโภคในประเทศ โดยไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละ 2.30บาท แต่เกษตรกรต้องการให้ราคาอยู่ที่ฟองละ 2.80 บาท.