คนวัยเกษียณอยู่ลำบาก ตั้งกองทุนใหม่รับเงินออมในตลาดหุ้น

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คนวัยเกษียณอยู่ลำบาก ตั้งกองทุนใหม่รับเงินออมในตลาดหุ้น

Date Time: 13 พ.ย. 2561 08:15 น.

Summary

ภาคตลาดทุนเสนอจัดตั้งกองทุนใหม่ ได้เครดิตภาษีแทนกองทุน LTF หวังกระตุ้นให้ออมเงินในตลาดหุ้นระยะยาว ขณะที่ ธนาคารโลกชี้คนไทยออมเงินต่ำกว่าทุกกลุ่มประเทศ ห่วงคนวัยเกษียณมีเงินไม่พอใช้...

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

ภาคตลาดทุนเสนอจัดตั้งกองทุนใหม่ ได้เครดิตภาษีแทนกองทุน LTF หวังกระตุ้นให้ออมเงินในตลาดหุ้นระยะยาว ขณะที่ ธนาคารโลกชี้คนไทยออมเงินต่ำกว่าทุกกลุ่มประเทศ ห่วงคนวัยเกษียณมีเงินไม่พอใช้ หวังพึ่งแต่ลูกหลานก็ลำบาก เพราะมีรายได้ลดลงไม่พอเลี้ยงดูพ่อแม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้นโยบายและหารือร่วมกับหน่วยงานในตลาดทุน นำโดยนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ, นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ที่นำโดยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ทั้งนี้ นายไพบูลย์กล่าวว่า นายสมคิดได้ให้นโยบาย ให้ตลาดทุนไทยปรับตัว ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อน ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจ ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ และให้ตลาดทุนไทยเชื่อมต่อกับโลกภายนอกมากขึ้นโดยหากลยุทธ์และวิธีสร้างการรับรู้ ที่ทำให้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน ฯลฯ

ขณะที่ภาคตลาดทุน ได้เสนอให้ภาครัฐสนับสนุน ผลักดันให้เกิดการออมระยะยาว โดยเฉพาะการออมภาคบังคับกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่สำคัญได้เสนอให้ตั้งกองทุนประเภทใหม่ เพื่อรองรับเงินออมในตลาดหุ้นที่อยู่ในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะถูกยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ภาษีในปีหน้า โดยกำหนดให้ผู้ที่ลงทุนในกองทุนใหม่นี้ได้รับเครดิตภาษี (Tax Credit) 20% ของเงินลงทุน หรือไม่เกิน 100,000 บาท หรือไม่เกินภาระภาษีของแต่ละคน โดยมีระยะเวลาลงทุนยาว 10 ปี ซึ่งการได้เครดิตภาษี 20% จะลดความเหลื่อมล้ำของผู้มีรายได้สูงและต่ำ ให้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ที่สำคัญ เพื่อดึงดูดให้ประชาชนมีการออมเงินในหุ้นระยะยาว และต้องมีเงื่อนไขว่า กองทุนนี้ต้องลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และลงทุนหุ้นในกลุ่มหุ้นยั่งยืน ในสัดส่วน 50% ของพอร์ต

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ผู้สูงอายุมีรายได้ไม่พอใช้จ่าย โดยแหล่งรายได้หลักของผู้สูงอายุมาจากลูกหลาน 34% แต่ลดลงจากปี 2550 ที่สัดส่วนรายได้จากลูกหลานอยู่ที่ 52% สะท้อนว่ารายได้จากลูกหลานลดลง ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูพ่อแม่วัยเกษียณ

ขณะที่เงินที่มาจากบำเหน็จบำนาญอยู่ที่ 5.9% แม้เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่อยู่ 4.4% แต่ระบบบำเหน็จบำนาญยังไม่เอื้อต่อการเก็บเงิน ทำให้การออมภาคบังคับ เป็นเรื่องจำเป็น จึงต้องมีกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) โดยขณะนี้ร่าง พระราชบัญญัติ กบช. คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อช่วยลดภาระทางการคลังของประเทศ ที่ต้องใช้เงิน 700,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อใช้ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ

“ข้อมูลธนาคารโลก พบว่าประชากรไทยมีเงินออมรวมกันเพียง 7% ของอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกประเทศในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยมีตัวเลขการออม 19% ของจีดีพี ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว ประชากรมีเงินออม 50% ของจีดีพี”

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล หัวหน้าภาควิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังออมเงินเพื่อการเกษียณน้อยมาก ขณะที่ระดับหนี้ต่อครัวเรือนยังสูง โดยมีหนี้ 70-80% ของรายได้ ขณะที่มีเงินออมเพียง 8-10% การออมที่เพียงพอควรออมอยู่ที่ 10-15% ของรายได้

นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า บริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงาน มีไม่ถึง 4% หรือ 380 กองทุน ถือว่าน้อยมาก โดยมีสมาชิกเพียง 3 ล้านคน และส่วนใหญ่สมาชิกเลือกแผนลงทุนที่ไม่เหมาะสม ทำให้ได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังเกษียณไม่ถึง 1 ล้านบาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ