
ปัญหาการจราจรที่ติดขัดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามหามาตรการในการช่วยเร่งระบายรถ ซึ่งสาเหตุใหญ่พัวพันมาจากการก่อสร้างโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ โครงการรถไฟฟ้าหลากสีทั่วกรุงขณะนี้
เสียงบ่น ก่นด่าจากคนกรุง เป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยออกมาบอกให้แก้ปัญหารถติดให้ได้ภายใน 3 เดือนมาแล้ว หรือล่าสุดได้ทำหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ในฐานะเจ้ากระทรวงคมนาคม ให้เร่งหาแนวทาง รวมถึงวิเคราะห์วางแผนโครงข่ายจราจรในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ให้เชื่อมโยงกันทุกระบบ มีเป้าหมายหลักแก้ไขปัญหารถติดโดยเร่งด่วน ถึงขั้นเสนอแนะว่า หากไม่มีพื้นที่บนดินให้สร้างถนน ทางด่วน ทางยกระดับ ทางลอยฟ้าได้ ก็ลองหาทางมุดลงใต้ดิน สร้างถนนดู
และนั่นเป็นเหตุให้กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ต้องออกโรงเป็นเจ้าภาพอีกหน ด้วยการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรด้วยการสร้าง “ถนนใต้ดิน ในลักษณะของอุโมงค์” ซึ่งจะเป็นทั้ง “อุโมงค์ทางด่วนใต้ดิน” หรือ “อุโมงค์ทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยา” ขึ้น
โดยการศึกษาจากต้นแบบของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการก่อสร้างทางด่วนหรือถนนใต้ดิน ได้แก่ ถนนย่านชินจูกุของประเทศญี่ปุ่นที่ทำทางลอดใต้ดิน, เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา, มาเลเซียและเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทำถนนลอดใต้ทะเล เพื่อหลีกเลี่ยงสร้างสะพาน ซึ่งจะไปบดบังทัศนียภาพของโอเปรา เฮาส์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเชิงสัญลักษณ์ประจำเมืองซิดนีย์
ส่วนสาเหตุที่ต้องสร้างทางใต้ดินในรูปแบบดังกล่าว สืบเนื่องมาจากปัจจุบันพบว่าถนนพื้นราบหรือถนนยกระดับในกรุงเทพมหานครได้มีการขยาย หรือสร้างจนเกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว ประกอบกับหากมีการสร้างถนนบนพื้นดิน หรือสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะประสบปัญหาการเวนคืนที่มีราคาแพง เพราะพื้นที่ที่จะสร้างส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงเมื่อประชาชนในพื้นที่ทราบว่าจะมีการก่อสร้างและเวนคืน ก็จะออกมาต่อต้านโครงการทันที
ทั้งนี้ รูปแบบของโครงการก่อสร้างทางด่วนใต้ดินจะมีแนวคิดหลักๆ ว่า ทางดังกล่าวจะต้องสามารถนำรถที่วิ่งผ่านจุดจราจรวิกฤติ ให้ผ่านอย่างสะดวกจากพื้นที่จุดนั้นๆ และเมื่อขึ้นมาพ้นระดับพื้นดินแล้ว ระบบถนน ทางลอดดังกล่าว จะต้องสามารถระบายรถออกไปเชื่อมต่อกับทางหลักๆ ทั้งทางทิศตะวันออก-ตก เหนือ-ใต้ ได้อย่างสะดวก เช่น เชื่อมต่อทางด่วนพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หรือเชื่อมต่อกับทางด่วน เพื่อเชื่อมออกไปนอกเมืองได้ เป็นต้น
และจากผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ทางด่วนใต้ดินเส้นแรกในประเทศไทยที่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างคือทางด่วนใต้ดิน “นราธิวาสราชนครินทร์–อ.สำโรง” โดยเส้นทางนี้จะเริ่มจากบริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ไปจนถึง อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ มีระยะทางประมาณ 9 กม.
สาเหตุที่เส้นนี้เป็นเส้นทางแรกที่ถูกหยิบขึ้นมาศึกษา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีลักษณะตัดตรง ระยะทางยาว ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่นจากบริเวณสาทร-สีลม และบริเวณใกล้เคียงได้มาก เบื้องต้นอาจจะสร้างเป็นทางด่วนใต้ดิน มีการเก็บเงินค่าผ่านทางสำหรับคนที่เข้ามาใช้ เพราะถือเป็นถนนทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียเวลากับรถติด
ส่วนลักษณะของทางด่วนใต้ดินที่สร้างอาจจะเป็นการสร้างทาง 2 ชั้น โดยชั้นบนจะทำเป็นถนนให้รถโดยสารสาธารณะวิ่ง ส่วนชั้นล่างให้รถยนต์ส่วนบุคคลวิ่ง โดยจะมีการจัดเก็บค่าบริการเหมือนทางด่วนทั่วไป เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงมากและยังถือเป็นถนนทางเลือกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สนข.มั่นใจว่า หากมีการสร้างทางด่วนใต้ดินดังกล่าวแล้ว จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดใน กทม.ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ สาทร สีลม บางรัก พระราม 4 เป็นต้น เพราะสามารถระบายรถจาก กทม.ออกไปยังสมุทรปราการได้เร็วขึ้น และยังสามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังทางด่วนบางนาได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่จะสร้างทางด่วนลอดใต้ดิน, ทำอุโมงค์ทางด่วนลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่าย ในทางตรงกันข้าม เป็นเรื่องยาก
แม้ว่ามันจะเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัดและหลีกเลี่ยงเสียงค้านของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน แต่ข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่สูงมากกว่าทางด่วนปกติ จากการสำรวจพบว่ามีต้นทุนค่าก่อสร้างสูง เฉลี่ยระหว่าง กม.ละ 2,000–10,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับราคาที่ดินของแต่ละพื้นที่
ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณากันล่ะว่าจะเอาข้อดีคือสามารถแก้ไขปัญหาจราจร ลดการเผาผลาญน้ำมันปีละหลายหมื่นล้านบาท หรือข้อเสียที่ภาครัฐอาจจะต้องแบกรับภาระงบประมาณหนักอึ้ง มาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ
แต่ไม่ว่าอย่างไร “ทางด่วนใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย” ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่.
สุรางค์ อยู่แย้ม