นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2 ปี 2561 พบว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่อัตราการว่างงานในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 1.1% มีจำนวนผู้ว่างงาน 410,000 คน สำหรับประเด็นด้านแรงงานที่ต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป คือ ความเสี่ยงจากสถานการณ์อุทกภัยที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกร ซึ่งต้องเฝ้าระวังเตรียมมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังปัญหาการว่างงานของผู้สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึ่งเมื่อรวมกับผู้จบการศึกษาใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในไตรมาส 2 ปี 2561 จะมีประมาณ 320,000 คน อาจส่งผลให้มีผู้ที่ยังหางานทำไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และน่าเป็นห่วงสำหรับผู้ที่จบการศึกษาด้านสังคมศาสตร์ และสาขาบริหารทั่วไป เนื่องจากไม่ตรงกับความต้องการของตลาด
ส่วนสถานการณ์ด้านหนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 2 ปี 2561 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พิจารณาจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัว 8.0% ส่วนความสามารถในการชำระหนี้ แม้ว่าภาพรวมความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนยังไม่มีสัญญาณหนี้เสีย แต่พบว่ากลุ่มครัวเรือนเกษตรกรที่มีที่ดินทำกินของตนเองมีภาระในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือนประมาณ 21% ส่วนเกษตรกรที่เช่าที่ดินมีภาระในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือนประมาณ 26% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์สูง ดังนั้นจะต้องเฝ้าระวังเนื่องจากรายได้เกษตรกรในปี 2561 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช้า เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นช้า โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ประกอบกับการเกิดภาวะอุทกภัยในบางพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนเกษตรกร
นายทศพร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ โดยมีผู้ต้องขังจำนวน 355,543 คน แต่เรือนจำรองรับได้ 200,000 คน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในคดียาเสพติด เรื่องนี้ต้องไปศึกษาวิจัยในเชิงลึกว่าการที่คดียาเสพติดเพิ่มมากขึ้นมาจากไหน คงไม่ใช่คนระดับล่างเพียงอย่างเดียวระดับอื่นก็เสพยาเพิ่มขึ้น รวมทั้งนิสิตนักศึกษาด้วย คิดว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องเน้นรณรงค์ป้องกันให้เห็นโทษและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังให้มากขึ้น ส่วนความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจกับสังคมอาจจะไม่เหมือนอย่างที่เคยมีความเข้าใจกันว่าถ้าเศรษฐกิจดีปัญหาสังคมน่าจะน้อย ขณะนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น.