
ก.คมนาคมอัพเดต ‘แผนเผชิญเหตุรถไฟฟ้า’ เพิ่มปัญหาใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้านบีทีเอสจะแก้ไขระบบอาณัติสัญญาณเสร็จสมบูรณ์ใน ต.ค. ตั้งเป้ารถไฟฟ้าจะกระชากไม่เกิน 3 ครั้ง/เดือน...
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2561 นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานและบริหารจัดการแก้ไขปัญหา กรณีเกิดเหตุขัดข้องของระบบรถไฟฟ้าขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการประสานฯ ชุดนี้ขึ้นในเดือนกรกฎาคม 61 เพื่อกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาระบบรถไฟฟ้าขัดข้อง หลังจากรถไฟฟ้าบีทีเอสเกิดปัญหาหลายครั้งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมครั้งแรกในวันที่ 30 ส.ค. นี้ทาง คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาปรับปรุง ‘คู่มือแผนบริหารความเสี่ยงและเผชิญเหตุในระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล’ ให้มีความทันสมัย ครอบคลุม และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เช่น เพิ่มปัญหาจากระบบอาณัติสัญญาณ, เหตุวินาศกรรม หรือไฟฟ้าดับจนไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งเหตุการณ์ประเภทนี้มีโอกาสเกิดน้อยมาก แต่ก็ได้เพิ่มเข้าไปในแผน เพื่อจัดมาตรการรองรับให้ครอบคลุม
สำหรับคู่มือฉบับใหม่นี้จะเพิ่มระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ จากปัจจุบันมีอยู่ 3 ระดับ ต่อไปจะเพิ่มเป็น 5 ระดับ ได้แก่
ระดับสีเหลือง หรือระดับที่ยอมรับได้ คือ เกิดความล่าช้าไม่เกิน 5 นาที
ระดับสีเขียว หรือระดับต่ำ คือ เกิดความล่าช้า 5-15 นาที ในช่วงเวลาปกติ
ระดับสีฟ้า หรือระดับปานกลาง คือ เกิดความล่าช้า 5-15 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน (Peak)
ระดับสีส้ม หรือระดับรุนแรง คือ ต้องใช้เวลาแก้ไขมากกว่า 15 นาทีขึ้นไป ในช่วงเวลาปกติหรือช่วงพีค
ระดับสีแดง หรือระดับรุนแรงสูงสุด คือ ต้องหยุดให้บริการ
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามภายในคู่มือจะมีแนวทางรับมือกับปัญหาระดับต่างๆ และแนวทางดำเนินการของแต่ละหน่วยงาน เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต้องเตรียมวิ่งรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) รองรับประชาชนที่ตกค้างจากรถไฟฟ้า, กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ต้องตรวจตราขนส่งมวลชนระบบอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้โดยสาร และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องช่วยตรวจสอบคลื่นที่ระบบกวนระบบอาณัติสัญญาณ เป็นต้น
ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะแต่งตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ขึ้นมา 1 คน ทำหน้าที่ประสานงานและกระตุ้นหน่วยงานต่างๆ ในขณะเหตุ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่น โดยผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเหตุการณ์ อาจเป็นประธานหรือรองประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ส่วนเรื่องการชดเชยผู้โดยสารเมื่อเกิดปัญหา เป็นเรื่องระหว่างคู่สัญญาของรถไฟฟ้าแต่ละสายและอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของคณะกรรมการฯ
นายสราวุธ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะนัดประชุมเพื่อทบทวนคู่มือครั้งต่อไปในเดือนหน้า โดยเมื่อสรุปคู่มือแล้ว จะเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาในเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นให้ทุกฝ่ายนำไปปฏิบัติต่อไป สำหรับกรณีที่รถไฟฟ้าบีทีเอสเกิดปัญหาเรื่อง ระบบอาณัติสัญญาณตั้งแต่เดือนมิถุนายนนั้น บีทีเอสแจ้งว่า อยู่ระหว่างติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ย้ายคลื่นความถี่ และปรับปรุงตัวกรองสัญญาณประมาณ 200 จุด โดยจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคมนี้
“ตุลาคมนี้ การแก้ไขปัญหาของรถไฟฟ้าบีทีเอสถือว่าจบ แล้วก็คาดว่าจะมีการตั้งตัวชี้วัดระหว่าง กทม. และบีทีเอส เช่น ใน 1 เดือนจะเกิดความล่าช้าไม่เกินกี่ครั้ง เกิดการกระตุกหรือการกระชากใน 1 เดือนไม่เกินกี่ครั้ง โดยช่วงที่มีปัญหามากๆ ในเดือนมิถุนายน เกิดการกระตุก 200-300 ครั้ง/วัน ปัจจุบันเหลือ 10 ครั้ง/วัน แต่ถ้าเดือนตุลาคมทุกอย่างเรียบร้อยหมด บีทีเอสก็ท้าทายตัวเองว่าจะเกิดการกระตุกน้อยที่สุดไม่เกิน 2-3 ครั้ง/เดือน” ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าว.