นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงกรณีอินโดนีเซียเผาทำลายชมพู่จำนวน 630 กิโลกรัม (กก.) และลองกอง 180 กก. ที่นำเข้าจากไทย ว่า กรมวิชาการเกษตรได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากหน่วยงานกักกันพืชประเทศอินโดนีเซียกรณีตรวจพบแมลงวัน 2 ชนิดในชมพู่และเพลี้ยแป้ง 1 ชนิดในลองกองที่นำเข้าจากไทย ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการให้ทราบถึงปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชดังกล่าวแล้ว
สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชที่ประเทศปลายทางนั้น กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ คือ ทำหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ และหากสินค้าได้รับการแจ้งเตือนศัตรูพืชเกิน 3 ครั้ง กรมฯจะระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชทันที ซึ่งจะมีผลทำให้สินค้าไม่สามารถส่งออกได้ รวมทั้งได้สั่งการให้ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตรยกระดับการสุ่มตรวจและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประเทศผู้นำเข้า อย่างไรก็ตาม การสุ่มตรวจสินค้าส่งออกของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชกรมวิชาการเกษตรได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการชักตัวอย่างตามแนวทางการกักกันพืชระหว่างประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติเหมือนกันทุกประเทศ
ทั้งนี้ปี 61 มีการส่งออกผลไม้ทั้ง 2 ชนิดคือ ชมพู่และลองกองไปอินโดฯ 156 ตู้ ถูกแจ้งเตือนตรวจพบศัตรูพืชเพียงครั้งเดียว ซึ่งสินค้าที่ถูกเผาทำลายดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าเพียง 32,400 บาท
ส่วนนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยหลังหารือโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา 2 ล้านไร่ ว่า กระทรวงฯได้ร่วมหารือกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ สมาคมเมล็ดพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้ภาคเอกชนร่วมมือที่จะรับซื้อข้าวโพดหลังนาที่รัฐบาลสนับสนุน 2 ล้านไร่ ผลผลิต 3 ล้านตัน ในราคาขั้นต่ำที่ความชื้น 30% ที่ราคา 5 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ซึ่งสูงกว่าต้นทุน 2.10 บาทต่อ กก. ที่ราคาต้นทุนผลิต 2.90 บาทต่อ กก. ทั้งนี้ การประกันภัยข้าวโพดปีนี้จะทำเป็นครั้งแรก ดังนั้นจะต้องเสนอขอนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแนวคิดในเรื่องประกันภัยว่าจะจ่ายค่าเบี้ยประกันโดยวิธีใด.