ล้นหลาม!! เกษตรกร แห่อบรมอาชีพ 1.6 ล้านคน เพิ่มรายได้

กรมส่งเสริมการเกษตร โชว์ผลงานครึ่งทางสร้างรายได้เกษตรกร หลังปิดจ็อบอบรม ครบ 9,101 ชุมชน แห่เข้าคอร์สกว่า 1.6 ล้านคน เดินหน้าลุยต่อให้เกษตรกร มีอาชีพมั่นคง...

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ภายใต้ยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งความรู้และนวัตกรรม มีการรวมกลุ่มพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งประกอบด้วย 2 กิจกรรม 1. การฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเกษตร มุ่งเสริมทักษะอาชีพ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาการรวมกลุ่ม และการประกอบธุรกิจเกษตรขนาดเล็ก เป้าหมายเกษตรกร 1,820,200 ราย จาก 9,101 ชุมชุนทั่วประเทศ หรือเฉลี่ยชุมชนละ 200 ราย และ 2. กิจกรรมการพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยให้มีการรวมกลุ่มในชุมชน สมาชิกไม่ต่ำกว่า 25 คน และต้องมีเกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเกษตรอยู่ในกลุ่มอย่างน้อย 10 คน เพื่อพัฒนาโครงการเสนอผ่านคณะกรรมการระดับต่างๆ โดยรัฐจะให้การสนับสนุนชุมชนละไม่เกิน 300,000 บาท เป้าหมาย 9,101 ชุมชน

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มขับเคลื่อนโครงการเมื่อเดือน มี.ค. มีความก้าวหน้าต่อเนื่อง สามารถดำเนินกิจกรรมที่ 1 ในการฝึกอบรมให้กับเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศจนแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 1,633,090 คน จาก 9,101 ชุมชน หรือคิดเป็นร้อยละ 89.72 ของเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ 1,820,200 ราย ในพื้นที่สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร (สสก.) เขต 1-9

“เวลานี้ถือว่าโครงการเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยได้ดำเนินการมาถึงครึ่งทางแล้ว ซึ่งผลที่ได้รับอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเสียงตอบรับจากเกษตรกรที่สมัครเข้ารับการฝึกอบรมถึง 1,633,090 คน ทั้งหมดมาด้วยความสมัครใจ เพราะการอบรมกำหนดว่าจะต้องอยู่จนครบทั้ง 3 วันที่ดำเนินการ จึงนับว่าเกษตรกรทั้งหมดตั้งใจที่จะนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหลังจากนี้ จะเร่งเดินหน้ากระบวนการตามกิจกรรมที่ 2 โดยจัดเวทีชุมชนเพื่อให้แต่ละกลุ่มพัฒนาโครงการเสนอของบประมาณให้คณะกรรมการชุมชนพิจารณาตามขั้นตอน”

พร้อมกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับให้ติดตามการดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โปร่งใส เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ให้ชุมชนที่เข้าร่วมมีความเข้มแข็ง เกิดการเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้น มีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป.