เข้าใจนะ!!  พกกล้อง-โน้ตบุ๊กไปนอก ศุลกากรไม่ได้บังคับให้แจ้ง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เข้าใจนะ!! พกกล้อง-โน้ตบุ๊กไปนอก ศุลกากรไม่ได้บังคับให้แจ้ง

Date Time: 8 มี.ค. 2561 16:55 น.

Video

“เต่าบิน” ต่อยอดจุดแข็ง R&D ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น เป้าหมายต่อไปยืนบนตลาดโลก | On The Rise EP.15

Summary

  • ศุลกากร แจงข้อสงสัยชาวโซเชียล พกกล้อง-โน้ตบุ๊ก ไปนอกต้องแจ้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่ ชี้ไม่ได้บังคับ แต่เพื่อป้องกันปัญหา รวมถึงตรวจสัมภาระกรณีต่อเครื่อง ย้ำของดิวตี้ฟรี ไม่เกิน 2 หมื่น ยกเว้นอากร

Latest


ศุลกากร แจงข้อสงสัยชาวโซเชียล พกกล้อง-โน้ตบุ๊ก ไปนอกต้องแจ้ง ไม่ใช่เรื่องใหม่ ชี้ไม่ได้บังคับ แต่เพื่อป้องกันปัญหา รวมถึงตรวจสัมภาระกรณีต่อเครื่อง ย้ำของดิวตี้ฟรี ไม่เกิน 2 หมื่น ยกเว้นอากร...

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แถลงชี้แจงประเด็นในโซเชียลมีเดีระบุกรมศุลกากรได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้โดยสารที่นำของ อาทิ คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา กล้องถ่ายรูป จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกไปต่างประเทศ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามประกาศที่ 60/2561 ลงวันที่ 26 ก.พ. 2561 แต่สาระในประกาศดังกล่าวมิใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่กรมศุลกากร ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่เหตุที่ต้องออกประกาศใหม่ เนื่องจากพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ถูกยกเลิก โดยพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการยังคงมีผลในทางปฏิบัติ จึงต้องออกประกาศกรมศุลกากรฉบับนี้

ทั้งนี้ เนื้อหาของประกาศฉบับนี้ มิได้กำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนจะต้องนำสิ่งของไปแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ แต่วัตถุประสงค์ของประกาศฉบับนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่อาจมีสิ่งของที่ต้องนำไปต่างประเทศ เช่น เพื่อนำไปแสดงนิทรรศการ หรือเพื่อนำไปประกอบวิชาชีพ แล้วเกรงว่าหากนำของดังกล่าวกลับเข้ามาในประเทศ อาจถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ท่าอากาศยานตรวจพบและตั้งข้อสงสัยว่าของนั้น เป็นของที่เพิ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศและอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีอากร ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลา หรือมีความยุ่งยากในการหาหลักฐานประกอบคำชี้แจง

พร้อมระบุเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว จึงมีบริการเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถที่จะไปพบเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่บันทึกสิ่งของนั้นไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และแสดงหลักฐานดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศ การปฏิบัติดังกล่าวไม่ได้บังคับผู้โดยสาร และไม่มีบทลงโทษผู้โดยสาร ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้โดยสารจะเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับตนเองหรือไม่

ส่วนกรณีผู้โดยสารซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรขาออกและนำของนั้นกลับเข้าประเทศ หากนำของนั้นเข้ามาและของมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 2 หมื่นบาท (เว้นแต่ สุรา บุหรี่ ซิการ์ และยาเส้น ซึ่งจะต้องเป็นไปตามปริมาณที่กำหนด) จะได้รับการยกเว้นค่าภาษีอากร แต่หากของนั้นมีมูลค่าเกิน 2 หมื่นบาท หรือนำเข้าสุรา บุหรี่ ซิการ์ และยาเส้น เข้ามาเกินปริมาณที่กำหนด หรือนำเข้ามาเพื่อการค้า แม้จะราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท ต้องเสียภาษีอากร

นอกจากนี้ยังชี้แจงกรณีโซเชียลมีเดียมีประเด็นเรื่องการตรวจสัมภาระ Check Through ว่าเป็นเรื่องใหม่หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวมิใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่ได้ปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดยกรณีผู้โดยสารขาเข้า ยกตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารที่เดินทางจากต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานปลายทางในประเทศ เช่น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ การตรวจกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง หรือ Hand Carry จะดำเนินการที่ First Port ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ส่วนกระเป๋าสัมภาระที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องจะถูกนำไปตรวจที่ Last Port ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และกรณีผู้โดยสารขาออก ที่ Check Through ไปต่างประเทศ สำหรับตัวอย่างนี้ จะตรวจกระเป๋าสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องที่ First Port ยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ ส่วนกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง หรือ Hand Carry จะตรวจ Last Port ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนออกไปต่างประเทศ

"เรื่องต่างๆ มิใช่เป็นเรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่กรมศุลกากรได้กำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่โดยเหตุที่พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 ได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จึงจำเป็นที่จะต้องออกประกาศกรมศุลกากรฉบับใหม่ เพื่อให้แนวทางปฏิบัติยังคงมีผลบังคับใช้เช่นเดิม".


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ