ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) อยู่ระหว่างทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่เน้นสนับสนุนรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากพบว่ายุทธศาสตร์ที่จัดทำยังมีความเหลื่อมล้ำทางภาษีระหว่างรถยนต์ไฮบริด กับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) เพราะรถยนต์ไฮบริดบางกลุ่มมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร (กม.) เนื่องจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และเสียภาษี 10-15% ซึ่งน้อยกว่ารถยนต์อีโคคาร์ซึ่งเสียภาษี 12-17% ทั้งที่รถอีโคคาร์มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อ กม. ซึ่งอีโคคาร์มีขนาดเครื่องยนต์เล็ก
“เป้าหมายของยานยนต์แห่งอนาคตคือรถยนต์ที่ผลิตออกมาต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณน้อยที่สุด หรือไม่ปล่อยเลย ซึ่งประเด็นนี้ต้องสำคัญกว่าตัวเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ดังนั้น การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้จึงมีความจำเป็น เพื่อกระตุ้นให้ค่ายรถผลิตรถยนต์ประสิทธิภาพสูง อาทิ รถยนต์ไฮบริดที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีอีโคคาร์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 60-70 กรัมต่อ กม. และไม่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ โดยแผนที่ผ่านการทบทวนน่าจะเสนอเข้า ครม. ในเดือน มี.ค.นี้”
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า สศอ.กำลังทบทวนยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยกำลังหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการจัดทำแผนการใช้รถยนต์ไฟฟ้านำร่องในภาครัฐ เพื่อให้เกิดความต้องการใช้ ก่อนกระตุ้นให้ค่ายรถยนต์มีการนำเข้าและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าป้อนตลาด.