นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ คณะกรรมการ กอช. (บอร์ด) จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช.เพิ่มมากขึ้น หลังกระทรวงการคลังเปิดตัว กอช.โดยจะครบ 2 ปี ในวันที่ 30 ส.ค.2560 นี้ พบว่า มีประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช.เพียง 500,000 คน จากเป้าหมายทั้งหมด 1 ล้านคน “กอช.เป็นการออมภาคสมัครใจ โดยเปิดรับสมาชิกแรงงานนอกระบบ เช่น เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา แม่บ้าน วินมอเตอร์ไซค์ คนขับรถแท็กซี่ เป็นต้น โดยกระทรวงการคลังคาดว่า แรงงานนอกระบบมีอยู่ 20 ล้านคน จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 35 ล้านคน คาดว่าแรงงานนอกระบบจะสมัครเป็นสมาชิก กอช.ขั้นต่ำประมาณ 5 ล้านคน แต่จนถึงวันนี้มีคนสมัครเข้ามาเพียง 500,000 คนเท่านั้น”
สำหรับอุปสรรคของ กอช.ที่ทำให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิกน้อยมาก เพราะแรงจูงใจมีไม่เพียงพอ ปัจจุบันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กอช.กำหนดให้ประชาชนสามารถสะสมเงินเข้ากองทุน กอช.ได้ไม่เกินปีละ 13,200 บาท และภาครัฐจะสมทบให้อีกตามสัดส่วน ประกอบด้วย 1.อายุ 15-30 ปี สมทบให้ 50% แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี 2.อายุ 30-50 ปี สมทบให้ 80% แต่ไม่เกิน 900 บาทต่อปี 3.อายุ 50-60 ปี สมทบให้ 100% แต่ไม่เกิน 1,200 บาท โดยจะแก้ไขใหม่เป็นประชาชนสามารถสะสมเงินเข้ากองทุน กอช.ได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาท ขณะที่เงินสมทบจากภาครัฐบาลให้ทุกระดับอายุเท่ากัน แต่ไม่เกินปีละ 1,500 บาท หากแก้ไขกฎหมายตามนี้ จะทำให้ประชาชนมีเงินบำนาญหลังเกษียณมากขึ้น แต่รัฐบาลจะมีภาระเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน 600 ล้านบาทต่อปี เพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทต่อปี โดยจะพยายามผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2561
นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันสมาชิก กอช.มีประมาณ 500,000 คน เป็นเกษตรกร 55% นักเรียนนักศึกษา 2% ไม่ได้ประกอบอาชีพ 18.9% อาชีพอิสระ 0.5% ลูกจ้างพนักงาน 1.3% ค้าขาย 10.7% และที่เหลือ 11.6% ประกอบอาชีพอื่นๆ ซึ่ง กอช.ต้องการเพิ่มสมาชิกในฝั่งของนักเรียนนักศึกษาให้มีเพิ่มมากขึ้น.