กรมการค้าต่างประเทศ เผยหลายประเทศเข้าคิวรอซื้อข้าวไทย ล่าสุดศรีลังกา-บังกลาเทศ ขอซื้อประเทศละ 2 แสนตัน พร้อมทำหนังสือจี้จีน เจรจาซื้อขายลอตที่ 5 และเตรียมร่วมประมูลของฟิลิปปินส์อีก 2.5 แสนตัน...
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ราคาผลผลิตข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ หรือปี 60/61 ของไทยน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะมีความต้องการซื้อข้าวไทยจำนวนมากจากหลายประเทศ โดยล่าสุด ประเทศศรีลังกา และบังกลาเทศ ได้ตกลงจะซื้อข้าวจากไทย โดยศรีลังกาต้องการซื้อข้าวนึ่ง และข้าวขาวปริมาณ 200,000 ตัน ขณะที่บังกลาเทศต้องการซื้อข้าวนึ่งปริมาณ 200,000 ตันเช่นกัน ส่วนราคาซื้อจะอยู่ที่เท่าไร ยังต้องหารือในรายละเอียดต่อไป และจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะรองรับข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ของไทย ที่ผลผลิตจะทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป
”ข้าวที่ไทยจะส่งมอบให้ศรีลังกาและบังกลาเทศ จะเป็นข้าวฤดูกาลใหม่ทั้งหมด เพราะข้าวนึ่งต้องซื้อข้าวเปลือกมานึ่ง ก่อนนำมาทำให้แห้ง แล้วสีเอาเปลือกออก ซึ่งจะช่วยระบายข้าวใหม่ออกต่างประเทศได้ส่วนหนึ่ง ส่วนราคายังตกลงกันไม่ได้จะขายแบบไหน แบบเอฟโอบี ที่ส่งมอบ ณ ท่าเรือของไทย หรือแบบซีไอเอฟ ที่รวมราคาสินค้า ค่าระวางเรือ และค่าประกันภัย โดยฝ่ายผู้ขายจะส่งมอบให้ถึงประเทศผู้ซื้อเลย ซึ่งทั้งเอฟโอบี และซีไอเอฟ จะคิดราคาต่างกันไป แต่ราคาข้าวเราก็อยากขายตามราคาตลาด หรือใกล้เคียงราคาตลาดมากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทั้ง 2 ประเทศยังมีความต้องการนำเข้าอีกมากไม่ต่ำกว่าล้านตัน เพราะผลผลิตเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง และน้ำท่วม ส่งผลให้ศรีลังกาต้องกลับมานำเข้าข้าวเป็นครั้งแรกในเกือบ 50 ปี แต่ทั้ง 2 ประเทศพยายามซื้อจากหลายประเทศ ทั้งอินเดีย เวียดนาม รวมถึงไทยด้วย
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ทำหนังสือทวงถามไปยังจีน เพื่อให้เร่งรัดการเจรจาซื้อข้าวจากไทยลอตที่ 5 หรือแสนตันที่ 5 จากปริมาณที่ทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทั้งหมด 1 ล้านตัน และส่งมอบไปแล้ว 400,000 ตัน ซึ่งการส่งมอบจะเป็นข้าวฤดูกาลใหม่ทั้งหมด ส่วนการเจรจาทำสัญญาซื้อขายกับจีนล้านตันที่ 2 คาดว่า น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันในเร็วๆ นี้ ฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลเป็นการทั่วไปเพื่อนำเข้าข้าวขาว 25% อีกประมาณ 250,000 ตัน ซึ่งภาคเอกชนไทยคงเข้าร่วมการประมูลด้วย
สำหรับการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลภายใต้รัฐบาลชุดนี้ หรือตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57-มิ.ย.60 รวม 13.62 ล้านตัน จากปริมาณที่รับมาจากรัฐบาลชุดก่อนประมาณ 18.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าที่ขายได้ทั้งสิ้น 126,471 ล้านบาท.