
นักธุรกิจชั้นนำ รวมถึงนักการเมืองไทยหลายคนเริ่มวิตกกังวลกันจริงจังแล้วว่า อาจจะเกิดสงครามที่ทำให้ชาวโลกโดยรวมเดือดเนื้อร้อนใจกันอีก
โดยเฉพาะในเรื่องของการขนส่ง อาหาร พลังงาน ยา และสิ่งของจำเป็นต่างๆ รวมถึงการ เดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เป็นตัวทำรายได้หลักตัวเดียวให้แก่เศรษฐกิจประเทศต่างๆ
เพราะหลังเกิดเหตุ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งลงแข่งขันเป็นแคนดิเดตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้งในเดือน พ.ย.นี้ ถูกลอบสังหาร ก็มีความน่าจะเป็นว่า การเมืองในสหรัฐฯและบนโลกใบนี้จะดุเดือดและร้อนแรงหนักกว่าที่คาดการณ์แน่ๆ
โดยเฉพาะความพยายามจะยุยงให้ยูเครนกลับไปสู้รบกับรัสเซียอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ด้วยการขนส่งอาวุธจำนวนมากไปช่วยยูเครนยิงถล่มกรุงมอสโกให้ราบเป็นหน้ากลองบ้าง
หรือรวมถึงการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามต่อสู้กับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงอย่างฮามาส
ความหวั่นวิตกนี้ทำให้นักธุรกิจและนักการเมืองไทยกลุ่มหนึ่งให้ความเห็นเชิงแนะนำว่า พวกเขาตุนข้าวปลาอาหารไว้จำนวนหนึ่งแล้ว หากเกิดมีการสู้รบกันของประเทศใดก็ตามที่สหรัฐฯเข้าไปมีเอี่ยวด้วย และไม่รู้ว่าจะบานปลายไปถึงประเทศที่มีปัญหากันอยู่เดิมด้วยหรือไม่ อย่างน้อยพวกเขาก็จะอยู่ได้พักใหญ่ๆ
บางคนบอกว่าเขาเตรียมพร้อมจะเอาบริวารและพนักงานของบริษัทเท่าที่พอจะเอาไปได้ เดินทางไปอยู่ให้ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร เพราะอย่างไรเสียกรุงเทพฯก็หนีไม่พ้นว่าต้องเข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่
คนพวกนี้เตือนด้วยว่าระหว่างนี้อย่าเพิ่งใช้จ่ายอะไรเกินตัว ไม่จำเป็นไม่ต้องควักเงินออกจากกระเป๋าเลย เพราะยามนี้เก็บเงินสดไว้ให้มากจะเป็นประโยชน์ที่สุด เฉพาะถ้าต้องซื้ออาหาร ยา และเครื่องกันร้อนกันหนาวตุนไว้ ก็อาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่แล้ว
ฟังดูอาจจะเห็นว่าตื่นตระหนกกันไปหน่อย แต่อีกด้านหนึ่ง พวกเขาซึ่งล้วนเป็นกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จเสียเป็นส่วนใหญ่ คิดอย่างนี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ต้องรับมาไว้พิจารณา โดยเฉพาะเรื่องของการเก็บเงินไว้ ไม่ใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือไม่เป็นประโยชน์ยามเกิดภาวะสงครามในโลกขึ้น
หุ้นเหิ้นที่เคยคิดว่าร่วงไปแล้วจะช้อน ก็ต้องเก็บไม้เก็บมือ และเก็บใจกันไว้อย่าได้หวั่นไหวจนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะเข้าที่เข้าทาง
ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยของเราก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา ความทุกข์ยากจากการไม่มี ลำบากยากจน รายได้ไม่พอรายจ่าย ข้าวของมีราคาแพง และน่าจะต้องแพงขึ้นอีก เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมตัวรับมือให้ได้
พวกที่อยู่กันอย่างสมถะ ประหยัด ระมัดระวังการใช้จ่ายเสมอ และไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย กลุ่มนี้ก็น่าจะอยู่กันได้อย่างพอเพียง และรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้
ถึงตรงนี้ ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตาม มิสไฟน์ อยากจะขอให้เก็บเงินกันไว้ อย่าไปสร้างหนี้เพิ่ม ใครจะบอกว่าการไม่ใช้เงินเลยทำให้เศรษฐกิจประเทศย่ำแย่ ก็ต้องคิดให้ดีว่าเอาตัวเองให้รอด ไว้ก่อนดีกว่าไหม?
กาลข้างหน้าอาจไม่ใช่แค่โลกเดือด แต่จะถึงขั้นโลกวิบัติก็เป็นได้!
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม